วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มาเพ่งการวิจารณ์วิเคราะห์บอลของพวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกันสักหน่อยดีกว่า รวมทั้งทีมฉกาจของพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์ที่2



คงจะต้องสั่งเจ้าพ่อไปขับซาเล้ง



มาวิเคราะห์บอลภายหลังที่ อังเคล ดิ มาเรีย ได้ออกทีวีให้ทั่วโลกได้เห็นว่าเป็นนักเตะ แมนฯยูไนเต็ดเรียบร้อย ตามมาเพราะข่าวลือหนาหูว่านอกจาก ดิ มาเรีย, ลุค ชอว์, อันเดร์ เอร์เรร่า 3 ตัวบิ๊กเนมที่คว้ามาแน่ๆ จากแหล่งข่าวชื่อดังอีกเจ้าระบุว่า ดาลี่ย์ บลินด์ คงย้ายมาฝังหนอกที่แมนเชสเตอร์ เช่นกัน ซึ่งต้องยินยอมเช็กกันต่อไป

เมื่อก่อนวันเสาร์ที่ผ่านมา จะถึงนี้มีคิวได้แก้ตัวกับสาวกปีศาจแดงทุกหมู่เหล่าอีกครั้งกับ เบิร์นลี่ย์ ในศึกพรีเมียร์ลีก หลังจากแย่งได้เพียง 1 แต้มจากทีมชั้นต่ำกว่าบนรูปเกมซึ่ง ผมขี้เกียจจะอธิบายอะไรมาก เห็นๆ กันอยู่ว่ามีปัญหาทุกตำแหน่ง

ซึ่งเอาเป็นว่าก็อย่างที่เห็นคือ เล่นไม่ดี

โดยที่ตลอด 2 เกมที่เปลี่ยนมามีโอกาสยิงเข้ากรอบไม่ถึง 10 ครั้ง ตาข่ายสั่นไป 2 เสียไป3 โดยเสียจากลูก

  • ยิงไกล
  • ลูกครอสจากด้านข้างในเกมเปิดสนาม 
  • และลูกเตะมุมในเกมกับซันเดอร์แลนด์ 

หรือ คืออากัปกิริยาแบบนี้มันเหมือนเด็กตื่นเวทีครับ โดยเฉพาะตัวแทนทั้ง 11 ในทุ่งหญ้า ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักถึงเรื่องของขีดความสามารถเฉพาะและสิ่งที่เปิดเผยในสนาม

โดยรวม สรุปทั้งเกมรุกและรับยังไม่ได้เรื่องพอๆ กัน จุดที่ผมตั้งข้อแลดูและจับผิดมาโดยตลอดคือ




  1. โดยประการแรก 3-5-2 นักเตะชุดนี้เล่นกันไม่ดี 
  2. ในประการที่สอง 4-4-2 นักเตะชุดนี้ก็เล่นกันไม่ดี 
  3. ซึ่งประการที่สาม 4-2-3-1 ในยุคป๋านักเตะส่วนใหญ่ก็เล่นกันไม่ดี 
  4. และประการที่สี่ แม้จะได้โค้ชระดับบรมกุนซือลูกหนังมาดูแลก็ยังเล่นกันไม่ดี ผมว่าที่ผลงานแย่อาจไม่ได้เป็นเนื่องจากโค้ช แผนการหรือกระบิลอะไรทั้งสิ้น 

เนื่องด้วยเรื่องนี้ก็พอเข้าใจครับว่าเครื่องร้อนช้าแถมเพิ่งผ่านไปแค่ 2 เกม ไม่ควรทำตัวเป็น เจ๊กตื่นไฟ ทางนี้ยังอีกยาวไกล แต่พอถึงช่วงโค้งสุดท้ายขึ้นมาจริง ก็คงเห็นใครหลายคนออกมาหวนระลึกอดีตกับแต้มที่ทำหล่นเรี่ยราด ช่างเป็นความดราม่าที่แสนงี่เง่าจริงๆ เล่าแล้วมันคร่ำเคร่งว่าแล้วมาอ่านเรื่องสบายๆ กันดีกว่า

ถ้าหากว่าลองมองย้อนไปสมัยที่ผมยังไม่รู้ว่า หนังสือโป๊ ศักยหาซื้อได้ตามตลาดมืด ผมเคยขับซาเล้งครับ ซาเล้ง คือมอเตอร์ไซด์ประยุกต์พ่วงข้างและมี 3 ล้อ

และถึงแม้ว่าจะมีโอกาสขับไม่กี่ครั้งแต่ก็เข้าใจได้ว่านอกจากเครื่องบินกับเรือดำน้ำแล้ว ซาเล้ง จัดเป็นพาหนะที่ต้องพักอาศัยความช่ำชองระดับสูงในการขับขี่ให้ปลอดภัย



ถ้าหากพูดกันง่ายๆ จะเป็นเซียนนักบิดจากขึ้นกับไหนมาเจอ ซาเล้ง เนี่ยไปไม่เป็นสักราย

ถ้าหากหลังจากลองควบตะบึงออกถนนใหญ่ด้วยความจำเป็นแล้ว ก็พบว่าการกะระยะยากกว่ารถปกติหลายเท่าตัวนัก แถมควบคุมยากและคาดเดาองศาของล้อลำบาก โดยรวมไม่เป็นอย่างที่ใจโจ๋ต้องการนัก การจะบิดแซงชาวบ้านจึงทำได้แค่ฝัน

ซึ่งถ้าลองเปรียบนักเตะปิศาจแดงเป็นรถแข่ง ในอดีตมันคือรถชั้นดียี่ห้อดังก้องโลกแต่เมื่อกาลช่วงไม่อนุญาติให้อยู่ยั้งยืนยงสภาพก็ไม่ต่างอะไรกับ ซาเล้ง

สำหรับการคว้า ดิ มาเรีย มาด้วยราคาบ้าเลือด ราวๆ 60 ล้านปอนด์ นั่นหมายความว่า ฟาน ฮัล จะแต่งรถเก่าคันนี้ซะใหม่ แม้จะน่าปวดกะโหลกกับทีมงานที่ไม่เก่ง นับตั้งแต่เสีย ซีอีโอ มือ 1 อย่างเดวิด กิลล์ ไป ทีมปิศาจแดงก็ขาดสาลิกาลิ้นทองการจะติดต่อซื้อขาย จนจะกลายเป็นเสี่ยใจป้ำควักกระเป๋าบ้าเลือด แต่ทว่าในเมื่อลงสนามแข่งแล้ว ขนาดคนเก่งอย่าง ฟาน ฮัล ก็ยังไม่มีทางเลือก

ยิ่งถ้ายังขี้เหนียว ฟาน ฮัล ก็ไม่ต่างอะไรกับ เจ้าพ่อขับซาเล้ง เพราะมิว่าสุดยอดมาจากสวรรค์ชั้นไหน แต่ถ้าที่คร่อมอยู่สภาพมันไม่ใช่รถแข่ง ก็ยากที่จะขับแซงชาวบ้านอยู่ดี



ทีมผีแดงทุบคลัง1,800 ล้าน ซิว วิดัล ใน 24-48 ชั่วโมง



ทันทีที่กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต สื่อชั้นนำของอิตาลี ได้ตีข่าวว่า ทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว อาร์ตูโร่ วิดัล มิดฟิลด์ทีมชาติชิลี จากสโมสรยูเวนตุส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยที่ทีมแมนฯยูฯ เพิ่งจะได้ตัว อังเคล ดิ มาเรีย ปีกทีมชาติอาร์เจนติน่า มาร่วมทีม ด้วยค่าตัวเป็นสถิติใหม่ของเกาะอังกฤษและเป็นอันดับ 6 ของโลกที่ 59.7 ล้านปอนด์หรือ 3,152 ล้านบาท
 แต่ดูเหมือนจะว่า หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมชาวเนเธอร์แลนด์ ยังคงละโมบนักเตะใหม่เข้ามาค้ำความเข้มเเข็งอีก

ซึ่งบันทึกจาก กัซเซ็ตต้า ที่เป็นสื่อกีฬาเบอร์หนึ่งของอิตาลี ระบุว่า เฟอร์นานโด เฟลิเซวิช เอเยนต์ของ วิดัล เดินทางมาที่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และคาดว่าน่าจะมาบอกกับ แมนฯยูฯ เกี่ยวกับเรื่องการย้ายทีม

โดยที่สื่อเจ้านี้เผยอีกว่า วิดัล มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ซึ่งหลังจากฝึกซ้อมกับ ยูเวนตุส เสร็จสิ้นลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดาวเตะทีมชาติชิลีหลีกเลี่ยงที่จะสบตากับแฟนบอลทีมม้าลายอีกด้วย

และสำหรับค่าตัวในการย้ายทีมของ วิดัล คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 42 ล้านยูโรหรือ1,763 ล้านบาท ซึ่งแข้งวัย 27 ปีตอบตกลงที่จะเซ็นสัญญาค้าแข้งอยู่ในโรงละครแห่งความฝัน 5 ปี และ แมนฯยูฯ เตรียมที่จะเปิดตัว วิดัล เป็นสมาชิกใหม่ภายใน 24-48 ชั่วโมงนับจากนี้


มาดูทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก ในสัปดาห์ที่ 2



หลังจากจบไปแล้วสำหรับสัปดาห์ที่ 2 สรรพสิ่งศึกพรีเมียร์ลีก 2014-15 หลังเกม ซูเปอร์ มันเดย์ไนท์ เมื่อคืนนี้ที่ แมนฯ ซิตี้ เปิดอาคารบ้านเรือนเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 3-1 ประตู

ถึงแม้มีเพียง 4 ทีมเท่านั้นที่เก็บชัยชนะได้ 2 นัดรวดคือ 
  1. สเปอร์ส
  2. เชลซี
  3. แมนฯ ซิตี้ 
  4. สวอนซี 

โดยเป็น ทีมไก่เดือยทอง ที่ครองตำแหน่งจ่าฝูงไปเพราะประตูได้-เสียดีกว่าอีก 3 ทีมนั่นเอง

ซึ่งเช่นเคย ฟุตบอลเตะจบสัปดาห์ ทีมยอดเยี่ยมก็ต้องตามมา วีกนี้แข้งที่ใดติดทีมบ้างเชิญรับชมครับ



รายชื่อทีมยอดเยี่ยมโปรแกรมพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ 2


  • ผู้รักษาประตู
          1.ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เชลซี)

  • กองหลัง
          1.อลัน ฮัตตัน (แอสตัน วิลล่า)
          2.โยนาส โอลส์สัน (เวสต์บรอมฯ)
          3. เอริก ไดเออร์ (สเปอร์ส)
          4. แดนนี่ โรส (สเปอร์ส)

  • กองกลาง
          1.ลี แคตเตอร์โมล (ซันเดอร์แลนด์)
          2.เชส ฟาเบรกาส (เชลซี)
          3.มาร์ค โนเบิ้ล (เวสต์แฮม)
          4.เอริก ลาเมล่า (สเปอร์ส)
          5.นาเซอร์ ชาดลี่ (สเปอร์ส)

  • กองหน้า
          1.สเตวาน โยเวติช (แมนฯ ซิตี้)


คลิ๊กชมไฮไลท์พรีเมียร์ลีกทุกคู่ ที่นี่



เมื่อแฟนผี 8 ขวบปัดใส่เสื้อยานาไซเหตุเปลี่ยนเบอร์






คราวเจมส์ คอลลินส์ สาวกทีม ปีศาจแดง ตัวน้อย ไม่รับสวมเสื้อ ยานาไซ แม้กว่าจะเก็บตังซื้อมาได้ เหตุแข้งสุดโปรดเปลี่ยนจากเบอร์ 44 ไปใส่หมายเลข 11 แทน กิ๊กส์

ซึ่งเจมส์ คอลลินส์ แฟนบอลตัวน้อย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชื่อดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วัย 8 ปี ไม่รับที่จะสวมเสื้อเบอร์ 44 ของ อัตนาน ยานาไซ ปีกดาวรุ่งทีมชาติเบลเยี่ยม ที่เก็บหอมรอมริบกว่าจะซื้อมาไว้เป็นครอบครองได้ เนื่องจากผิดหวังที่นักเตะคนโปรดนั้นเปลี่ยนไปใส่เสื้อเป็นเบอร์ 11 ของ ไรอัน กิ๊กส์ ตำนานดาวเตะ ทีมปีศาจแดง

ก็เพราะว่าเจ้าหนูวัยกระเตาะคลั่งไคล้ในตัวของ ยานาไซ อย่างหนักจนถึงขั้นเก็บเงินที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดซื้อเสื้อของนักเตะคนโปรดที่ปักหมายเลข 44 มาครอบครองด้วยราคา 93.20 ปอนด์หรือ 5,126 บาท 

โดยที่หนูน้อยนั้น ยังไม่ทันได้ใส่ แต่ยานาไซ กลับโยกไปสวมหมายเลข 11 ซึ่งตั้งแต่แรกเป็นของ กิ๊กส์ จึงทำให้ คอลลินส์ นั้นไม่ยอมที่จะสวมเสื้อตัวดังกล่าว และถึงแม้ เชอร์ริล ผู้เป็นแม่จะยื่นเรื่องขอให้ทาง เมกะสโตร์ เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ให้ แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธไป

ซึ่งทางมารดาของเจ้าหนู คอลลินส์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาคลั่งไคล้ แมนฯ ยูไนเต็ด มากๆ และเขาก็พูดถึงแต่สโมสรนี้ตลอดช่วงที่เข้าแคมป์ฟุตบอลช่วงซัมเมอร์ เขารอไม่ไหวแล้วที่จะได้สวมเสื้อใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยกันก็มักจะถามดิฉันอยู่ตลอดว่าสั่งซื้อเสื้อมาให้แล้วหรือยัง เขาใส่เสื้อตัวนี้แค่ 2-3 ครั้งเองเมื่อรู้ว่า ยานาไซ นั้นเปลี่ยนเบอร์เสื้อแล้ว ซึ่งเราเองก็พยายามขอร้องกับทาง เมกะสโตร์ ให้เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ให้หน่อย แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ

และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทางสโมสรได้สั่งเปลี่ยนเสื้อของ เวย์น รูนี่ย์ ใหม่ เนื่องจากมีปัญหาสะกดชื่อผิด นี่ไงล่ะคือความผิดพลาดของพวกเขา แต่ขณะที่เรานั้นยังไม่ได้ทำอะไรพลั้งพลาดเลย อย่างน้อยดิฉันยอมเห็น คอลลินส์ อดทนรอหน่อยยังดีกว่าเห็นเขาผิดหวังนะ เชอร์ริล ร่ายยาว



มาทำการพลิกแฟ้มการทำลายสถิติแข้งแพงสุดลีกผู้ดี

+5อันดับแข้งแพง



ซึ่งการมาหาของ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกอาร์เจนไตน์ของ ทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์ หรือ 3,283.5 ล้านบาท ได้กลายเป็นสถิติแข้งแพงสุดคนใหม่ที่ทีมจากอังกฤษซื้อนักเตะเรียบร้อย

สำหรับเจ้าของสถิติคนก่อนหน้านี้คือ เฟร์นันโด ตอร์เรส หัวหอกทีมชาติสเปน ที่ย้ายจากทีม ลิเวอร์พูล มาทีม เชลซี เมื่อเดือน มกราคม 2011 ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์นั่นเอง แต่ถ้านับเนื้อๆนักเตะสัญชาติอังกฤษแท้ ๆ แพงที่สุดยังเป็น แอนดี้ คาร์โรลล์ กองหน้าร่างใหญ่ ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ย้ายจากทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาทีม ลิเวอร์พูล เพื่อแทนที่ ตอร์เรส ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกัน

โดยที่ทางด้านเจ้าของสถิติแข้งมีราคาสุดของเกาะอังกฤษที่ถือครองสถิติยาวนานที่สุด ยังเป็นของ กัปตันมาร์เวล ไบรอัน ร็อบสัน ที่ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อมาจากทีม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในเดือนตุลาคม 1981 ด้วยราคา 1.5 ล้านปอนด์ ซึ่งกว่าจะมีแข้งแพงกว่านี้ก็ต้องรอถึง 14 ปี เมื่อ แอนดี้ โคล ย้ายจากทีม นิวคาสเซิ่ล มาทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในเดือนมกราคม 1995 ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์

ในส่วนของ เทรเวอร์ ฟรานซิส ซึ่งเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ เพราะเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ค่าตัวแตะหลักล้านปอนด์ เมื่อย้ายจากทีม เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ไป น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1979 ด้วยค่าตัวทั้งหมด 1.18 ล้านปอนด์นั่นเอง



และการผลาญสถิติ แข้งแพง ของลีกอังกฤษก่อนที่ ดิ มาเรีย จะเข้าไปรังผี

โดยถ้าไม่ดูเรื่องการทำลายสถิติ 5 อันดับนักเตะแพงที่สุดในตารางพรีเมียร์ลีก จะมีดังนี้

1.อังเคล ดิ มาเรีย เรอัล มาดริด ย้ายไปทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ราคา 59.7 ล้านปอนด์หรือ 3283.5 ล้านบาท
2.เฟร์นานโด ตอร์เรส ลิเวอร์พูล ย้ายไปทีม เชลซี 50 ราคา ล้านปอนด์หรือ 2750 ล้านบาท
3.เมซุต โอซิล เรอัล มาดริด ย้ายไปทีม อาร์เซน่อล 42.4 ราคา ล้านปอนด์หรือ 2332 ล้านบาท
4.เซร์คิโอ อเกวโร่ แอต. มาดริด ย้ายไปทีม แมนฯ ซิตี้ 38 ราคา ล้านปอนด์หรือ 2090 ล้านบาท
5.ฆวน มาต้า เชลซี ย้ายไปทีม แมนฯ ยูไนเต็ด 37.1 ราคา ล้านปอนด์หรือ 2040.5 ล้านบาท

เครดิตภาพ : DailyMail

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผลการวิเคราะห์บอลตรวจตราโพลจากทวยราษฎร์เรื่องชาวไทยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและสยามแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014


ซึ่งจากผลโพลล่าสุดประชาชนส่วนใหญ่ 69.24 % ไม่ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่แปลกใจทีม Manchester United มากที่สุด








โดยเมื่อนิด้าโพล ได้พร้อมเปิดเผยผลสำรวจโลกทัศน์ของประชาชน เรื่อง คนไทยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014 


พร้อมทั้งได้ทำการสืบสวนระหว่างวันที่ 1 – 5 สิงหาคม 2557 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกฐานะการศึกษาและภารกิจ จำนวนทั้งสิ้น 4009 ตัวอย่างที่สำหรับการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกและทีมที่ชื่นชอบ

ซึ่งจากผลการสำรวจนั้น การติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หรือ Barclays Premier League 

พบว่า ประชาชนพลเมืองส่วนใหญ่ 

  • ร้อยละ 69.24 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 
  • ร้อยละ 30.76 ระบุว่า ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

กับเมื่อได้พิจารณาจำแนกยินยอมเพศ พบว่า เพศชาย 

  • ร้อยละ 57.64 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 42.36 ระบุว่า ติดตาม 

ขณะที่ที่เพศหญิง 

  • ร้อยละ 83.20 เจาะจงว่า ไม่ได้ติดตาม  
  • ร้อยละ 16.80 ระบุว่า ติดตาม 

เพศทางเลือก 

  • ร้อยละ 71.43 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 28.57 ระบุว่า ติดตาม 


โดยที่ในจำนวนประชาราษฎร์ที่ติดตาม ส่วนใหญ่ 

  • ร้อยละ 79.72 ระบุว่า เกาะติดเป็นครั้งคราว 
  • ร้อยละ 20.28 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ


พร้อมทั้งสำหรับ ทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาล 2014 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ที่ชื่นชอบมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 


  1. ร้อยละ 38.85 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Manchester United มากที่สุด 
  2. รองลงมา ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Liverpool 
  3. ร้อยละ 9.65 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Arsenal 
  4. ร้อยละ 8.52 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Chelsea 
  5. ร้อยละ 3.97 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Manchester City 
  6. ร้อยละ 0.73 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Everton 
  7. ร้อยละ 1.46 ระบุว่า ชื่นชอบทีม อื่น ๆ ได้แก่ 

  • Leicester City 
  • Newcastle United 
  • Tottenham Hotspur 
  • West Ham United 
  • Crystal Palace 
  • West Bromwich Albion 
  • Aston Villa 
  • และ Hull City 
     8.  ร้อยละ 4.38 ระบุว่า ไม่มีทีมใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ/เฉย ๆ

ซึ่งเมื่อได้สืบสวนตามช่วงอายุ จำแนกตามทีมที่ชื่นชอบ พบว่า 
ประชาชนที่ชื่นชอบ

  1. ร้อยละ 42.80 ชอบ ทีม Manchester United ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี  
  2. ร้อยละ 46.50 ชอบ ทีม Liverpool ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 40 – 59 ปี  
  3. ร้อยละ 44.54 ชอบ ทีม Arsenal ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี  
  4. ร้อยละ 35.24 ชอบ ทีม Chelsea ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 40 – 59 ปี  
  5. ร้อยละ 41.67 ชอบ ทีม Manchester City ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี  
  6. ร้อยละ 44.44 ชอบ ทีม Everton ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี และ ช่วงอายุ 40 – 59 ปี ในสัดส่วนเท่ากัน  





และเมื่อวกกลับมาถามถึง การสืบเสาะวิเคราะห์ผลบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก หรือ Toyota Thai Premier League พบว่า 


  • สามัญชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.65 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 
  • ขณะที่ ร้อยละ 22.35 ระบุว่า ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ซึ่งเมื่อไตร่ตรองจำแนกตามเพศ พบว่า เพศชาย 

  • ร้อยละ 67.61 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 32.39 ระบุว่า ติดตาม 

ขณะที่เพศหญิง 

  • ร้อยละ 89.76 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 10.24 ระบุว่า ติดตาม 
และเพศทางเลือก 

  • ร้อยละ 71.43 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 28.57 ระบุว่า ติดตาม 

โดยในจำนวนประชาชนที่ติดตาม ส่วนใหญ่ 

  • ร้อยละ 83.93 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว 
  • ร้อยละ 16.07 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ

ซึ่งท้ายสุด ผลของทีมฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ที่มีผู้ชอบมากที่สุด เจอะเจอว่า 
ประชาชนส่วนใหญ่ 

  1. ร้อยละ 34.38 ระบุว่า ชื่นชอบทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มากที่สุด 
  2. ร้อยละ 16.29 ระบุว่า ชื่นชอบทีม เอสซีจี เมืองทอง 
  3. ร้อยละ 10.60 ระบุว่า ชื่นชอบทีม ชลบุรี เอฟซี 
  4. ร้อยละ 3.68 ระบุว่า ชื่นชอบทีม บางกอกกล๊าส 
  5. ร้อยละ 3.35 ระบุว่า ชื่นชอบทีม เชียงราย ยูไนเต็ด 
  6. ร้อยละ 3.01 ระบุว่า ชื่นชอบทีม สงขลา ยูไนเต็ด 
  7. ร้อยละ 2.79 ระบุว่า ชื่นชอบทีม ราชบุรี มิตรผล 
  8. ร้อยละ 2.23 ระบุว่า ชื่นชอบทีม สุพรรณบุรี 
  9. ร้อยละ 2.01 ระบุว่า ชื่นชอบทีม บีอีซี เทโร 
  10. ร้อยละ 1.90 ระบุว่า ชื่นชอบทีม ศรีสะเกษ เอฟซี 
  11. ร้อยละ 1.56 ระบุว่า ชื่นชอบทีม สิงห์ ท่าเรือ 
  12. ร้อยละ 8.59 ระบุว่า ชื่นชอบทีม อื่น ๆ ได้แก่ 


  • ขอนแก่น 
  • นครราชสีมา 
  • ชุมพร 
  • ตรัง 
  • ร้อยเอ็ด 
  • ปทุมธานี 
  • ราชนาวี 
  • สมุทรปราการ 
  • นครปฐม
  • เพชรบุรี และ 

  13.  ร้อยละ 9.60 บอกชื่อว่า ไม่มีหมู่ใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ/เฉย ๆ
เมื่อวู้ดเวิร์ดเผยเข้าถกเปเรซสู่ขอดิมาเรียแล้ว



โดยที่แฟน ทีมผี ได้ลุ้นวิเคราะห์บอลจนตัวสั่น ภายหลังที่เดลี่ เมล์ ได้ตีข่าว วู้ดเวิร์ด ตั้งโต๊ะหารือกับ เปเรซ แล้ว เรื่องสู่ขอ ดิ มาเรีย คาด ทีมราชันชุดขาว ได้พร้อมที่จะเปลื้องตัวหากว่าได้เงิน 2,250 ล้านบาท

โดยที่เหล่าบรรดาสาวกทีม เร้ด เดวิลส์ ได้ลุ้นกันตัวโก่งเลยทีเดียว หลังล่าสุด เดลี่ เมล์ สื่อกีฬาชื่อดังแดนผู้ดี สาธยายว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารระดับสูงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ตั้งโต๊ะหารือกับทาง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด เป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงเรื่องการเซ็นสัญญาคว้าตัว อังเคล ดิ มาเรีย ปีกตัวจี๊ดทีมชาติอาร์เจนติน่า มาร่วมทีม

และเรื่องอนาคตของ ดิ มาเรีย ตกเป็นเครื่องหมายคำถามตลอดช่วงที่ผ่านมาว่าจะย้ายออกจากถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว หรือไม่ แต่ล่าสุดดูเหมือนจะมีแววได้เก็บข้าวเก็บของแล้ว เนื่องจากในเกม ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ที่ต้นสังกัด ทีมราชันชุดขาว เอาชนะ เซบีย่า 2-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 12 สิงหาคม นั้นเจ้าตัวได้แค่นั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองตลอดช่วง 90 นาที

ซึ่งล่าสุดท่ง เดลี่ เมล์ ได้รายงานว่า ทั้ง วู้ดเวิร์ด และ เปเรซ ได้หารือกันแล้วถึงเรื่องการย้ายทีมของ ดิ มาเรีย แถมการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดีอีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าทาง เรอัล มาดริด นั้นต้องการเงินจำนวน 50 ล้านยูโรหรือ 2,250 ล้านบาท ในการให้เสรีภาพตัวปีกเลือด ทีมฟ้า-ขาว ให้กับทางทีม ปีศาจแดง


ทางด้านCH3ร่วมกับCTHถ่ายสดบาร์เคลย์สพรีเมียร์ลีก3ฤดูกาล





หลังจากที่ทาง ช่อง 3 จับมือ CTH เปิดแคมเปญ เดอะ สเตเดี้ยม ออฟ ไลฟ์ ถ่ายสดบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก

ซึ่งสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับบริษัท ซีทีเอช แถลงข่าวเข้าร่วมกันในการเปิดแคมเปญ เดอะสเตเดี้ยม ออฟ ไลฟ์ ถ่ายทอดสดตารางบอลบาร์เคลย์ส พรี เมียร์ลีก 

โดยที่จะให้แฟนบอลจะเชี่ยวชาญรับชมออนไลน์ฟรีผ่านทาง 3 Family ช่อง 13 ช่อง 3 SD ช่อง 28 และช่อง 3 HD ช่อง 33 โดยครั้งนี้สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ทุ่มทุนมหาศาลจับมือกับบริษัท CTH ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายถ่ายทอดสดผลบอลบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย 

ที่ได้นำเกมส์ลีกอย่างบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก 2014/2015 มาออกอากาศผ่านช่องทีวีในเครือช่อง 3 โดยในฤดูกาลนี้ช่อง 3 ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสด บาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก ถึง 23 แมตช์ 

ซึ่งจะออกอากาศแมตช์ระหว่างทีมเอฟเวอร์ตันและอาร์เซนอล ทางช่อง 3 Original พร้อมทั้งช่อง 3 HD ในคืนวันแรกเสาร์ 23 สิงหาคม เวลา 23.15 นาฬิกา

เมื่อมุขฮัลล์เล่นของสูงเล็งกระชากเวลเบ็ค770ล.




สำหรับโปรแกรมบอลทีม ฮัลล์ นั้น แผนสูงเล็งคว้า เวลเบ็ค เสียบแทน ลอง ที่จ่อขนย้ายไปทีม นักบุญ ในเร็ววันนี้ สื่อเผยเอาจริงสุดๆ เตรียมงบซื้อตัวไว้ถึง 770 ล้านบ. หวังกระชากล่าตาข่ายให้ได้

เมื่อทีมฮัลล์ ซิตี้ ทีมดังใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เล็งคว้าตัว แดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเสียบแทน เชน ลอง หัวหอกคนสำคัญซึ่งกำลังจะขนส่งไปอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในเร็ววันนี้ โดยพวกเขาพร้อมจะทุ่มทุนสร้างเพื่อดึงดาวยิงจอมยิ้มมาล่าตาข่ายให้ด้วยงบประมาณสูงถึง 14 ล้านปอนด์หรือ 770 ล้านบาท

โดยที่ทาง เดลี่ เมล์ ที่เป็นสื่อชื่อดังอ้างว่าแม้ทาง พญาเสือ จะมีเงินมากพอทำให้ทีม ปีศาจแดง ต้องคิดหนัก แต่พวกเขาก็ต้องกล่อมทั้ง หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้ยอมอนุมัติขายหัวหอกรายนี้ รวมถึงกล่อมให้ตัวนักเตะยอมเลือกคัดย้ายทีมให้ได้ด้วย

ซึ่ง เวลเบ็ค วัย 23 ปีมีสถานะเป็นดาวยิงสำรองตัวเลือกแรกหาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ เวย์น รูนีย์ ซึ่งเป็นคู่ศูนย์หน้าตัวจริงนั้นไม่พร้อมจะลงสนาม หลังหัวหอกคู่แข่งอีกรายอย่าง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ มีแนวโน้มจะถูกขายทิ้งออกไปมากกว่า



เมื่อเอ็นริเก้ยันซัวเรซต้องปรับตามเมสซี่




โดยที่เอ็นริเก้ ยัน เมสซี่ เป็นแกนหลักที่ทุกคนใน ทีมบาร์ซ่า ต้องปรับตัวตามให้ได้ ไม่เว้น ซัวเรซ ที่ย้ายมาใหม่ เพื่อให้แข้งอาร์เจนไตน์เดินเกมได้อย่างอิสระ

ซึ่งหลุยส์ เอ็นริเก้ เทรนเนอร์ของ บาร์เซโลน่า ในศึก ลา ลีกา สเปน ยืนยันว่า จะไม่มีการย้ายตำแหน่งของ ลิโอเนล เมสซี่ ศูนย์หน้าคนสำคัญ เพื่อหลีกทางให้ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงรายใหม่ทำหน้าที่ได้สะดวก เนื่องจากทุกคนต้องปรับตัวเข้าหาแข้งกำลังหลักที่มีอยู่ก่อนแล้ว และยังต้องทำตามแผนของโค้ชอย่างเลี่ยงไม่ได้

หลังจากที่ กุนซือลูกหม้อแห่งถิ่น คัมป์ นู กล่าวถึงความสำคัญของแข้งอาร์เจนไตน์ว่า ลีโอ มีทางเลือกมากมาย เราจะปิดกั้นเขาไม่ได้ เขามีอิสรภาพที่จะไปได้ทุกพื้นที่ในแนวรุก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก และเราจะต้องปรับตามเขา

แต่ว่าอย่างไรก็ดี เอ็นริเก้ ยอมรับว่า แม้จะมีชื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงฟันคมในเกมอุ่นเครื่องกับ คลับ เลออน วันที่ 18 สิงหาคม นี้ แต่อาจไม่ได้เห็น เมสซี่ รวมถึง เนย์มาร์ โดยขอให้แฟนๆ ที่จะมาชมเกมทำใจล่วงหน้า ตอนนี้เรายังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในตอนนี้ แต่ทีมของเราจะพยายามให้มากขึ้น



ทีมผีได้โฆษิตเบอร์เสื้อ ยานาไซ ยึดเบอร์11 เบอร์7 และ 9 ยังว่างอยู่





เมื่อทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศเบอร์เสื้อของนักเตะอย่างเป็นทางการแล้ว

ซึ่งเนื่องด้วยตัวของ อัดนาน ยานาไซ ที่เป็นปีกดาวรุ่งของทีม ได้เบอร์ 11 ไปครอง โดยหลังจากที่ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งเป็นคนคิดเสื้อเบอร์นี้ ซึ่งได้ประกาศแขวนสตั๊ดไปหลังจบฤดูกาลก่อน ซึ่งตอนแรกมีการคาดกันว่าทีมอาจจะเก็บเบอร์นี้ให้แข้งดาวดังที่พวกเขาจะคว้ามาร่วมทัพ

ซึ่งในขณะที่ ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ ได้รับเบอร์ 3 แทนนที่ของ พาทริซ เอฟร่า ที่ย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุสขณะที่ อันเดร์ เอร์เรร่า มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน 2 ได้รับมอบหมายให้ใส่เบอร์ 21 เหมือนตอนอุ่นเครื่อง

และในส่วนของเบอร์ 7 และเบอร์ 9 ยังว่างอยู่ ขณะที่นักเตะหน้าเดิมส่วนใหญ่แล้วก็ยังได้สวมเสื้อเบอร์เก่าแทบทั้งสิ้น

โดยที่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประกาศ หมายเลขเสื้อของนักเตะ อย่างเป็นทางการเพื่อสู้ศึก พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2014/2015

1. ดาวิด เด เกอา
2. ราฟาเอล ดา ซิลวา
3. ลุค ชอว์
4. ฟิล โจนส์
6. จอนนี่ อีแวนส์
8. ฆวน มาต้า
10. เวย์น รูนีย์ (กัปตัน)
11. แอดนาน ยานูไซจ์
12. คริส สมอลลิ่ง
13. อันเดอร์ส ลินเดการ์ด
14. ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
16. ไมเคิล คาร์ริค
17. นานี่
18. แอชลีย์ ยัง
19. แดนนี่ เวลเบ็ค
20. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
21. อังเดร์ เอร์เรร่า
22. นิค พาวเวลล์
23. ทอม เคลฟเวอร์ลีย์
24. ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ (รองกัปตัน)
25. อันโตนิโอ วาเลนเซีย
26. ชินจิ คากาวะ
28. แอนเดอร์สัน
29. วิลเฟรด ซาฮา
30. กิเยร์โม บาเรล่า
31. มารูยาน เฟลไลนี่
34. ทอม ลอว์เรนซ์
35. เจสซี่ ลินการ์ด
36. มาร์นิค เฟอร์มิจล์
38. ไมเคิล คีน
39. ทอม ธอร์ป
40. เบน เอมอส
41. รีซ เจมส์
42. ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์
45. ดาวิเด เปตรุซซี่
46. โจ รอธเวลล์
48. วิลล์ คีน
49. เจมส์ วิลสัน
50. แซม จอห์นสโตน

ภาพจาก : Devil Magazine

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มาร่วมสลักชื่อวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทยกับชายที่ชื่อ ธีรศิลป์ แดงดา ด้วยกันขณะ เทวดา ตกสวรรค์ พร้อม นรกโลกันต์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด



จารึกชื่อประวัติศาสตร์ชาติไทย และ ชายที่ชื่อ ธีรศิลป์


เพราะว่าที่เมื่อเวลาตี 4 ของเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประเทศชาติไทย และ ธีรศิลป์ แดงดา ได้ จารึก ชื่อตนเอง กับประเทศชาติว่า มี ชาวไทย คนแรกมาเตะฟุตบอลอาชีพในลีกสูงสุดของสเปน ลา ลีกา เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว

ซึ่ง วิเคราะห์บอลเกมดังกล่าวเป็นแมตช์ อัลเมเรีย ของ เจ้ามุ้ย-ธีรศิลป์ ได้ เปิดบ้าน เอสตาดิโอ เด โลส ฆวยโกส เมดิเตร์รานิโอส พบ เอสปันญ่อล

โดยที่ผลการเสนอราคาจบลงด้วยผลเสมอด้วยผลบอล 1-1 โดย อูเด อัลเมเรีย นำก่อนนาทีที่ 57 จาก เฟอร์นันโด โซเรียโน่ ก่อนที่ธีรศิลป์จะถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 74 หลังเหตุการณ์ไฟสนาม มีดับ ไปชั่วขณะ

ซึ่งจะตั้งชื่อได้ว่า มี โอกาส ลงโชว์ฟอร์ม 16 + 4 นาทีรวมทดเจ็บ ทว่า ไฮไลต์ ช่วงท้ายเกมกลับเป็น แซร์โจ้ การ์เซีย ยิงประตูตีเสมอชนิดที่เรียกได้ว่า จังหวะสุดท้ายของเกมแล้ว

สำหรับ ภาพรวมเกม ทีมอัลเมเรีย เล่นดีกว่า ด้วยกันสมควรชนะ แต่ยิง ทิ้งรัวกระสุนขว้างซะหมด ไม่นับเล่น 11 ต่อ 10 คน ตั้งแต่กลางครึ่งหลัง




โดยในส่วนของ มุ้ย หากคุณผู้อ่าน มีช่องทางได้ตามคอมเมนต์ในทุกสื่อ แล้วพิจารณาคอมเมนต์ของคอ บอลไทยเช่น จากเฟซบุ๊ก almeriathailand ก็จะพบความเห็นประมาณว่า เจ้ามุ้ยไม่ค่อยได้บอล

ถึงแม้ว่ารวมๆ เรื่องการผ่านบอลให้เพื่อน หรือหาที่ว่างให้ตัวเอง ความขยัน และไม่เสียบอล จะ สอบผ่าน ก็ตาม

ในจุดนี้ ผมจำได้ตอนเคยชินตาม ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไปเตะกับฮัดเดอร์สฟิลด์ ช่วงปี 1999 และ ในยศตัวเองเป็นคนไทยผู้ติดตามก็เคย แอบคิด คล้ายๆ กัน

พร้อมทั้งเรื่อง แบบนี้ก็ต้อง อาศัยเวลา และธีรศิลป์ ไม่ได้มาจากประเทศที่เก่งกาจ ผลบอลพรีเมียร์ลีกติด ท็อป 10 หรือไม่ ท็อป 70 ของโลก ทำไมต้อง ท็อป 70 เดี๋ยวจะเฉลยครับ




สำหรับ เจ้ามุ้ย นั้นจึงต้องชี้ตัวเองให้ได้เสียก่อน และหัวหอกวัย 26 ปี ชาวไทยยังมีเวลาอีกตั้ง 12 เดือน นะครับ

โดยส่วนตัว และ ในฐานะแฟนบอลไทยขอสารภาพว่า เจ้ามุ้ย ได้ลงสนามเร็วกว่าที่คาดคิดไว้เหมือนกัน เพราะได้เล่นตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล และทำได้ ไม่เสียหาย

และพวกเราต้องยอมรับกันว่า นี่คือ เรื่องดี และเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศชาติไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนลูกบอลสโมสร 1.เอสซีจี เมืองทอง, 2.บุรีรัมย์, 3.ชลบุรี, 4.บีอีซีฯ 5.ฯลฯ

ตัวของ ธีรศิลป์ ได้กำลังทำหน้าที่เป็น ตัวแทน แว่นแคว้นไทย และ ได้เบิกร่อง ให้รุ่นน้องได้มีโอกาสสานต่อ ความฝัน แบบนี้ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพที่ได้เล่นในลีกสูงสุดยุโรปดีสุด 1 ใน 5

ซึ่งด้วย สไตล์ การเล่นบนพื้น และไม่ได้ปะทะ หรือใช้กำลังมากอย่าง 1.ลา ลีกา, 2.กัลโช่, 3.ลีก เอิง หรือ 4.โปรตุกีส ลีก หรืออีกนัย คือ ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ซึ่งควรมากกับนักเตะไทย

ด้วยกันเหนือสิ่งอื่น ใด คือ ลีกเหล่านี้ เช่น ลา ลีกา ไม่ได้มี กฎเหล็ก เหมือนพรีเมียร์ลีกที่ระบุ นักเตะต้องเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่เฉลี่ย 75% ในรอบ 2 ปี และทีมชาติต้องมีอันดับโลก ฟีฟ่า แรงกิ้ง หารไม่เกิน 70 ในช่วงเวลา 2 ปี

โดยที่ทีมชาติไทยอยู่อันดับ 157 ประกาศล่าสุด 14 สิงหาคม 
 หรือว่าอยู่หน้า 6 จาก 7 หน้าอันดับโลก 208 อันดับ

นั่นอาจจะจะเรียกได้ว่า หากเด็กไทยไม่เก่ง หรือโดดเด่น เหมือน เมสซี่  ไม่ว่าจะชาตินี้ หรือในระยะเวลาอันใกล้คงลำบากจะขอ เวิร์ก เพอร์มิต โดยตรงจาก โฮมออฟฟิศ ของ อังกฤษ

ขอให้ทุกคนมา ร่วมเชียร์ และให้กำลังใจกับ ธีรศิลป์ แดงดา จารึกสิ่งดีๆ ในลา ลีกา ให้ทั่วโลกจดจำประเทศไทยกันเถอะนะครับ



เมื่อ เทวดาAngel ตกสวรรค์ กับ นรกโลกันต์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด




สำหรับในช่วงปรี-ซีซั่นเกมการชิงดีชิงเด่นที่พลพรรคทีม ปีศาจแดง กรีฑาทัพลงสู่สังเวียนสนามหญ้า เป็นช่วงเวลาที่แฟนบอล อสูรโลกันต์ ต่างเฝ้ารอยฝีเท้าลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ด้วยแท็กติกการเข้าทำที่ตื่นตา การจบสกอร์ระดับเวิลด์คลาส และการทำเกมที่ไหลลื่นและเปี่ยมด้วยไอเดีย แต่นั่นเป็นเหมือนฝันที่ตื่นแล้วมลายหายไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

โดยที่ในแต่ละสัปดาห์แฟน บอล ทีมปีศาจแดง จะมีกิจกรรมให้ทำอย่างน้อยหนึ่งอย่าง สิ่งหนึ่งแน่ นอนคือการช่วยผลงานทีมรัก ยิ่งด้วยเวลานี้ภาพ เดจาวู จากซีซั่นก่อนกำลังตามหลอกหลอนชนิดติดต่าสลัดไม่หลุด อยากจะลืมก็ลืมไม่ลง เล่นเอาเวลาโลกสวยตอนปรี-ซีซั่นหาย วับไปราวกับเอาน้ำแข็งไปโยนในนางเลิ้งต้มเดือด แถมหลายคนเล่นโม้ไว้ซะเยอะ เปิดมานัดแรกก็ร่วงกราวสู่ค่อนล่าง อันดับ 13 ของตารางเสียแล้ว

สำหรับอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ลุ้นแบบเกร็งถึงร่องช่องขับถ่ายด้านหลัง คือการรอว่าในเวลาที่เหลืออีกเพียงราวสัปดาห์เดียวนี้ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้นักเตะผู้กอบกู้วิกฤติมาเสริมทัพได้ หรือไม่ สัปดาห์ที่แล้วได้เฮกับ มาร์กอส โรโฮ ที่มูลค่า 16 ล้านปอนด์แบบผายลมยังไม่ทันหายเหม็น ก็ดันลงไม่ได้เพราะยังไม่ผ่านเวิร์คเพอร์มิต พ่วงด้วยคดีเก่าปีมะโว้เรื่องทำร้ายเพื่อนบ้าน ที่ส่อจะทำให้ ตัวเองโดนสั่งนอนคุกอีก ใจหายใจคว่ำไปตามๆ กัน 

ครั้นมาถึงอาทิตย์นี้ ก็ได้โลดเต้นดี๊ด๊ากันเรื่อง อังเคล ดิ มาเรีย ปีกเพื่อนร่วมชาติของ โรโฮ ที่ตกเป็นข่าวคราวแบบร้อนแรงแซงหน้าทุกสื่อว่าจะขนส่งมาสู่ โรงละครแห่งความฝันและรีสอร์ทแอนด์สปาร์ เพื่อค่าตัวเป็นสถิติสโมสรและลีกที่ 60 กว่าล้านปอนด์





ทำให้แฟนผีแดงที่อดทนรอไม่ไหวก็เอาว่ะ วินนิ่ง ไปก่อน 555

เท่าที่ได้เสนอคำถามถึงแฟนผีทุกคนว่าแพงไหม แพงครับ แพงบรรลัยเลย แต่ก็นั่นล่ะคือเหตุผลที่ต้องซื้อเพราะช่วงโมงนี้ทีม ปีศาจแดง มี สภาพพิกลพิการจากการเริ่มสตาร์ทยุคไร้ ป๋า ได้ย่ำแย่ของ เดวิด มอยส์ สิ่งที่ตามมานั่นคือความไม่พร้อมกับอย่างยิ่งในฤดูกาลนี้ ทั้งไม่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ได้ ทั้งผลงานจบอันดับ 7 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ชื่อของทีมไม่อาจดึงดูดสตาร์ได้เหมือนแต่ก่อน ทำให้ตอนนี้เงินเท่านั้นที่เอาฟาดให้คน เซ็นสนธิสัญญามาร่วมทีมได้

โดยที่สองนัดล่าสุดที่ผ่านจบลงด้วยความพ่ายแพ้หนึ่งนัด และเสมออีกหนึ่งนัด กรีดเลือดสาบานเลยก็ได้ว่าไม่อยากลงบัญชีจริงๆ ว่านี่เป็นทีมเกียวกันกับทีมที่เล่นฟอร์มสุดสะเด่าเมื่อช่วงปรีซีที่ผ่านมา 

พร้อมด้วยกลับมาที่เรื่อง ดิ มาเรีย อีกที วินาทีนี้ใครยอมมาก็ต้องดึงไว้ก่อนล่ะครับ ระดับสตาร์รองแชมป์โลก มันคงแตะมีอะไรดีกว่าแค่ลีลากระชากลากเลื้อยแน่ คิดในแง่ดี ไว้ก่อน ดูสถิติที่ทำไว้กับ เรอัล มาดริด ที่ 72 แอสซิส ใน 4 ปี ก็เรียกได้ว่าดีกว่าปีกที่มีตอนนี้ทุกคน พะวงก็แต่องคาพยพผอมบางเก้งก้างของพี่แก จะปะทะเกมหนักแดนผู้ดีรับน้องให้จอดไม่ต้องแจวตั้งแต่นัดแรกๆ หรือเปล่าน่ะ สิ






นี่คือสถิติของดิมาเรีย ที่ทำไว้กับทีม ชุดขาว ถือว่า เอานะ


แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้า ดิ มาเรีย จะแปรสภาพจากทีม ราชัน มาเป็นทีม ปีศาจ เป็น ทูตสวรรค์ที่มาอยู่ร่วมถ้ำอสูรจริง ก็คงต้องขอต้อนรับ แต่บอกเลยว่ายังไม่เชื่ออยู่ดีว่าจะตอบ โจทย์และพาทีมกลับมาสู่ความรุ่งเรืองได้อีกครั้ง เพราะสภาพเหมือนคนกะปลกกะเปลี้ยเสียขาของทีมในตอนนี้ เล่นให้เอา ป๋า กลับมาคุมก็ต้องนั่งกุมขมับ เปิดมาสองนัด นักเตะจะยืนให้ครบ 11 คนโดยไม่ ดันเด็กขึ้นมาร่วมทีมด้วยยังยาก นับประสาอะไรกับการคว้าสตาร์มาร่วมทีมตัวเดียวและจะแปรสภาพจากคนพิการมาเป็นคนพิการใส่ขาเทียมได้




โดยจากผลงาน 2 นัดที่เปลี่ยนมาถ้าไม่ทุ่มทุนเราอาจจะไม่ได้เห็น ทีมผีแดง ในเวทียุโรปอีกหลายฤดูกาล

และแน่นอนว่า ทูตสวรรค์ หรือ Angel คนนี้อาจไม่ใช่คนที่พระเจ้าสั่งให้ลงมารดน้ำมนต์ในขุมนรกโลกันต์ของ ทีมปีศาจแดง แน่นอน แต่เป็น หนึ่งในปีระดับโลกที่นายทัพใหญ่แห่งทีม อสูรสามง่าม บรรจงชมและเลือกสรรด้วยตัวเอง ที่ที่เขาจะยืนจะเป็นตรงไหน ปีกอย่างที่แม่นยำ หรือต้องมาเป็นวิงแบ็กในระบบ 3-5-2 หรือไปยืนเป็นมิดฟิลด์เพลย์เมกเกอร์เหมือนที่เล่นกับ มาดริด เมื่อซีซั่นที่แล้ว หรือสุดท้ายจะได้รับบทกองหน้าจอมป่วนแบบ อาร์เยน ร็อบเบน ให้มันมาเถอะครับ ให้มันมา แล้วเราจะได้เห็นกัน

เมื่อสุดท้าย พี่เอ็ดครับ พี่ยังวิ่งไม่พอครับ วิ่งอีกครับ และไม่ว่าจะได้ ดิ มาเรีย มาหรือไม่ ทีมนี้ก็ยังไม่มีทางดีขึ้นผิดหูผิดตาแน่นอน กองกลางที่ทำได้ แค่ส่ง เคลฟ คู่ เฟล็ท คืออะไรที่ปวดตับ กองหลังที่มี สมอลลิ่ง และ โจนส์ เป็นแกนนำ แบ็กที่เป็นอาจาร์ยังมา ยืน 

โอ้ว พระเป็นเจ้า ผมต้องทนดูทีมตัวเองทำตัวเป็นง่อยไปอีก นานแค่ไหน ซื้ออีกเถอะครับ กองหลังอีกหนึ่ง กองกลางอีกหนึ่ง ก่อนที่อะไรๆ มันจะสายไป ก่อนที่อำนาจวาสนาทั้งชีวิตของ ฟาน กัล จะมาพังพาบที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนที่ผมจะได้เจอภาพ เดวิด มอยส์ ยิ้มมุมปากแล้ว แสยะเบาๆ ว่า บอกแล้วไป ไม่ใช่เพราะกู


เมื่อมีการสั่งแฟบซิเมโอเน่คุมทีม8นัด


คดีความนี้โดนแบนจนหายซ่าแน่ เมื่อทางสหพันธ์วิเคราะห์ผลบอลสเปน ได้สั่งกีดกัน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ทีม ตราหมี ที่ได้คุมทีมข้างสนาม 8 นัด ฐานโชว์พฤติกรรมกร่างในเกม ซูเปอร์ คัพ

โดยที่สหพันธ์ตารางบอลสเปน หรืออาร์เอฟอีเอฟ ได้สั่งแบน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ซึ่งหมายความว่ากุนซือของ แอตเลติโก มาดริด แชมป์ ลา ลีกา สเปน ฤดูกาลล่าสุด โดยที่ห้ามคุมทีมข้างสนามในเกมลีกจำนวน 8 นัด จากความผิดฐานแสดงกิริยาท่าทางไม่พอเหมาะ ระหว่างเกม สแปนิช ซูเปอร์ คัพ นัดสอง ที่ทัพทีม ตราหมี เอาชนะทีม เรอัล มาดริด 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา

และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกโดยที่ ซิเมโอเน่ ได้มีปากเสียงรุนแรงกับทีม ผู้พิพากษาบริเวณข้างสนาม กับนอกจากนั้นเขายังเอามือไปตบศีรษะผู้ตัดสินที่ 4 แบบทีเล่น ทีจริง รวมถึงปรบมือประชดการทำหน้าของ ดาบิด เฟร์นานเดซ บอร์บาลัน ก่อนที่กุนซือาร์เจนไตน์ จะถูกไล่ออกจากสนาม แต่เขากลับขึ้นไปชมเกมบนอัฒจันทร์ เป็นเหตุให้ สหพันธ์ ฟุตบอลเมืองกระทิง สั่งแบนการคุมทีมที่ข้างสนาม 8 นัด

ซึ่งนอกจากนี้ทาง ซิเมโอเน่ ยังได้ถูกปรับเงินอีกจำนวน 4,805 ยูโรหรือ 216,225 บาท โดยเขามี เวลา 10 วัน ในการขออุทธรณ์ผลเสียแบนดังกล่าว ซึ่งในระหว่างนี้ เคร์มัน บูร์โกส ผู้ช่วยของ เอล โชโล่ นั้นจะลง ทำกิจธุระคุมทีมแทน

เมื่อทีมมิลานวางแผนบีล่าตอร์เรสหากวืดมาร์ติเนซ


โดยที่สื่อได้ตีข่าวว่า ทีมปีศาจแดง-ดำ ได้วางแผน 2 ทาบ เอล นินโญ่ มาไล่ตามตาข่ายแทน เกรียนโอ้ ซึ่งหากวืด จะได้งาบ แจ็คสัน มาร์ติเนซ

ซึ่งทีม เอซี มิลาน สโมสรชื่อดังแห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ได้วางแผนสองเอาไว้ในการหาตัวแทนของ มาริโอ บาโลเตลลี่ ดาวยิงจอมเกรียน โดยได้ตกเป็นข่าวว่าให้ความสนใจคว้าตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกฟอร์มบู่ของเชลซี ยอดทีม ดังแห่งศึก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด ของอังกฤษ มาร่วมทีม ถ้า หากว่าไม่ศักยดึงตัว แจ็คสัน มาร์ติเนซ กองหน้าของ เอฟซี ปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่ใน ลีกา ซาเกรส โปรตุเกส ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกมา ร่วมทีมได้

สำหรับทีม ปีศาจแดง-ดำ นั้นกำลังมองหากองหน้าตัวใหม่เข้ามาแทน เกรียนโอ้ ซึ่งมีรายงานว่าจัด เตรียมย้ายไปอยู่กับลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโรหรือ 900 ล้านบาท โดยกำลังเพ่งเล็งไปที่ มาร์ติเนซ แต่หัวข้อของค่าตัว อาจจะเป็นอุปสรรคของทาง เอซี มิลาน เนื่องจากนักเตะนั้นถูกตั้งค่าหัวเอาไว้สูงพอสมควรเลยทีเดียว

และอย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า รอสโซเนรี่ นั้นจะวางแผน บี เอาไว้ เพราะว่าให้ความสนใจไปที่ ตอร์เรส ถึงแม้เรื่องค่าเหนื่อยจะเป็นปัญหามากพอสมควรสำหรับทีม ปีศาจแดง-ดำ แต่ว่าล่าสุดมีรายงานว่า เชลซี นับถือช่วยจ่ายค่าเหนื่อย 60 เปอร์เซนต์ของค่าเหนื่อยนัก เตะที่รับอยู่ 9 ล้านยูโรหรือ 405 ล้านบาท ต่อปี หากว่าได้ย้ายไปค้าแข้งที่ ซาน ซิโร่ ด้วยสัญญายืมตัว


ทีมเอฟเวอร์ตัน ได้ซิวตัว เอโต้ ให้มาร่วมทัพ 2 ปี ลงประเดิมสนามนัดแรกเกมฟัด ทีมเชล ซี





โดยที่ที่ทำการข่าว บีบีซี ของอังกฤษ ได้ตีข่าวว่า เอฟเวอร์ตัน ลุข้อตกลงในการคว้าตัว ซามูเอล เอโต้ กองหน้าทีมชาติ แคเมอรูน วัย 33 ปี แบบไม่มีค่าตัว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอดีตหัวหอกเชลซีจะเซ็นสัญญาค้าแข้งอยู่ในถิ่นกูดิสัน พาร์ค 2 ปี

สำหรับเอโต้ ได้เรียบสัญญากับ เชลซี ทำให้เขาสามารถย้ายไปร่วมทีมไหนก็ได้อย่างอิสรภาพ ก่อนหน้านี้ เอโต้ เคยได้รับความสนใจจากทั้ง 
  • อินเตอร์ มิลาน
  • อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 
  • ลิเวอร์พูล 

โดยล่าสุดเขาได้ปลงใจเลือกไปร่วมทัพทีม เอฟเวอร์ ตัน

และนอกจากนี้ทาง บีบีซี ได้รายงานอีกว่าทีม เอฟเวอร์ตัน จะได้ส่ง เอโต้ ลงเริ่มแรกนัดแรกในสิ้นสุดที่ทีม เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านต้อนรับการ มาเยือนของทีม เชลซี อดีตกาลต้นสังกัดเก่าของ เอโต้ วันที่ 30 สิงหาคม


ติดตามชมไฮไลพรีเมียร์ลีกเพิ่มเติมได้ ที่ 

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ฟุตบอลการต่อสู้พรีเมียร์ลีกอังกฤษในอาทิตย์แรกที่ผ่านมาทีมใดจะเป็นแบบบ้างมาทัศนากันเลย



เป็น 2ทีมที่อยู่คนละขั้ว



ซึงหากมองที่ ประเด็นหลักๆ ของศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก ณ เวลาหลังลอดแมตช์แรกของฤดูมาแบบนี้คงต้องบอกว่า เรื่องฟอร์มเทพ เชลซี และฟอร์มบู่ แมนฯยูไนเต็ด

และน่าจะกินพื้นที่มากที่สุด และมีประเด็นย่อย ต่อยอด ตามมามากมาย

หลังจากที่ เชส ฟาเบรกาส ได้พูดอย่างมีความสุขว่า อยู่กับทีมเชลซีแล้ว เล่นง่าย ชีวิตสะดวกสบายไร้กังวลเกินกว่าที่คาดหวังไว้เยอะ

โดยที่ล่าสุดหลังผลงานถล่ม เบิร์นลีย์ 3-1 ซึ่งราคา ต่อรอง จะเป็นแชมป์ของ โจเซ่ มูรินโญ่ และสมาชิกก็ยิ่งถูกหั่นลงไปอีก

สำหรับควันหลง จากเกมที่ทีม เทิร์ฟ มัวร์ ที่ยังไม่ค่อยมีใครต้องถึงก็คือ การลงสนามแทน เอด็อง อาซาร์ ของดิดิเยร์ ดร็อกบา ในนาทีที่ 84


ซึ่งงานพิธีนี้ ถ้าแม้หัวหอกใน ตำนาน ของสโมสรยังทำประตูไม่ได้ แต่จังหวะเปิดยาวจากประตูของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จบดร็อกบา เก็บบอล หรือไม่ชิงโหม่งได้ตลอด

นั่นถือว่าเป็น อีกมิติหนึ่ง ที่ทำเอา เฟอร์นานโด ตอร์เรส ไร้อนาคตในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปเลยล่ะครับ

เพราะว่าที่งานนี้ได้ ตอกย้ำ นโยบายการต้องมี ตัวจริง 2 ทีม ไล่ตั้งแต่นายทวาร กูร์กตัวส์หรือปีเตอร์ เช็ก แด่น คอสต้าหรือดร็อกบา ไม่ก็ใช้ประมาณ 24 นักเตะครีมๆ ท็อปๆ

และตรงกันข้ามทีม แมนฯยูฯ ที่ มาร์กอส โรโฮ ออกมายืนยันส่วนตัวก่อนสโมสรต้นสังกัดทั้งเก่าหรือใหม่จะ คอนเฟิร์ม การย้ายทีมสู่แมนฯยูไนเต็ด กำลังดูไม่จืดอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว

ที่หนักสุดเห็นจะเป็น ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เอ๊ด วู้ดเวิร์ด สั่นคลอนเป็นเจ้าเข้าแน่ๆ หากไม่สามารถซื้อตัวผู้เล่นมีระดับมาเสริมทีมได้อีก

โดยที่ทาง เดลี เมล์ ก็เล่นสัมภาษณ์ยาวเหยียด เดวิด มอยส์ แบบถูกจังหวะเวลาตอนแพ้เกมแรกในบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 42 ปี


อาจจะขนานนามได้ว่าเป็นการ ขยี้ กันเห็นๆ และเหลือเชื่อเหมือนกันนะครับว่า แพ้แค่ครั้งเดียว แต่ทำเอา เครดิต ของหลุยส์ ฟาน ฮัล สะเทือนไปเหมือนกัน

โดยที่ในเวลาไล่เลี่ย  กัน เรเน่ มูเลนสตีน สมัยเก่าผู้ช่วยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็โดนทาง บีบีซี ลากไปจ้วง เดวิด มอยส์ ย้อนหลัง

หลังจากที่ปัจจุบันสดๆ ร้อนๆ ก็ได้มี ภาพข่าว ของมารูยาน เฟลไลนี่ ใส่เฝือกอ่อนข้อเท้าซ้ายเสมือนหนึ่งว่า การเปลี่ยนที่ทีมจะยิ่งยากเย็นแสนเข็ญ

โดยไม่ว่าจะย้ายไปทีม นาโปลี หรือทีมใด

โดยที่โหล่ที่แม้ไม่ได้เป็นข่าว แต่ผมเชื่อว่า คอบอลส่วนใหญ่คงไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเติม มาร์กอส โรโฮ ด้วยค่าตัวเกือบ 20 ล้านปอนด์

เหตุเพราะว่ามีดาวรุ่งอย่าง 1.ลุค ชอว์, 2.แอชลีย์ ยัง ในตำแหน่งเดียวกันอยู่แล้วไม่นับที่ยังตกเป็นข่าวกับ เดลีย์ บลินด์ นักเตะตำแหน่งเดียวกันทางฝั่งซ้ายของกองหลังอีกคน

ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า ซื้อใครแทบไม่ได้ แต่ยัง ซื้อซ้ำซ้อน ตำแหน่งทำไม

ถ้าหากว่า มีครบ ตัวหลักแต่ละตำแหน่งแล้วก็ไปอย่าง

และชั่วโมงนี้ที ชัดเจน ที่สุด คือ ภาวะความพร้อมของ พวกเชลซี vs ทีมแมนฯยูไนเต็ด ที่วิตกแทนผู้เกี่ยวข้องสโมสรภูตผีปีศาจแดงจริงๆ



ล่าสุดสโคลส์หวั่นผีพานพบยุคมืดเหมือนหงส์ 90


หลังจากที่สโคลส์ได้ออกมาเผยว่า หวั่นทีม ผี อาจเจอยุคมืดยังกับที่ทีม หงส์แดง ได้เคยประสบโชคในสมัย 1990 สารภาพอดีตต้นสังกัดโชว์ฟอร์มน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งพอล สโคลส์ ที่เป็นพงศาวดารแข้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยอมรับว่า บางที อดีตต้นสังกัดอาจต้องพบกับยุคมืดเหมือนที่ทีม ลิเวอร์พูล ระดับโลกคู่ปรับเคยตกต่ำจนแปรสภาพเป็นทีมขนาดกลางเมื่อช่วงยุค 90 หลังผลงานในซีซั่นที่แล้วไม่เป็นไปตามกฏเกณฑ์ และยังเปิดหัวฤดูกาล 2014/15 ด้วยความพ่ายแพ้คาถิ่นต่อ สวอนซี 1-2

หลังจากที่อดีตกองกลางทีม ปิศาจแดง ได้เขียนลงในคอลัมน์ส่วนตัวผ่านทางสื่อ ดิ อินดิเพนเดนต์ ซึ่งเป็นสื่อแดนผู้ดีว่า ผมหงอแทน ยูไนเต็ด กลัวว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรติดมือเลย เท่าเทียมที่เคยเกิดขึ้นกับ ลิเวอรืพูลช่วงยุค 1990 ส่วนตอนนี้พวกเขาต้องการอะไรน่ะหรือ  อาจจะเป็นผู้เล่นสัก 5 คน ที่เข้ามาพลิกสถานการณ์อันสิ้นหวังนี้ได้

ด้วยกันท้ายที่สุดนั้น สโคลส์ ยังได้ตำหนิต้นสังกัดเก่าแบบระอาว่า ผมขอบอกให้ชัดๆ เลยนะ ผมรู้สึกหงุดหงิดมากที่ต้องวิจารณ์สโมสรซึ่งผมเคยทุ่มเททั้งชีวิตให้สมัยที่เป็นนักเตะ

โดยที่โปรแกรมฟุตบอลถัดไปของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือการบุกไปพบ ซันเดอร์แลนด์ ในวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม นี้


ทีมปืนใหญ่ ไม่ประทับใจในผลงาน



ถ้าหากเปรียบเกมลูกหนังที่สนาม อาตาเติร์ก โอลิมปิยัต สตาดี้ เป็นดั่งสงครามทางการรบ อาร์เซนอล ก็คงไม่ต่างอะไรกับกำลังพลกล้าที่รอดตายกลับมาอย่างสะบักสะบอม

ถึงแม้ว่าผลเสมอ 0-0 จะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แถมโอกาสในการลุ้นเข้ารอบก็ดูดีมีเงินภาษีมากกว่า เพราะเกมนัดสองจะได้กลับมาเล่นใน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในอีก 7 วันหลังข้างหน้า

แต่ว่ารายละเอียดต่างๆของเกมดูน่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นการเสียสถิติในการเล่นเพลย์ออฟ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ขุนพล ทีมปืนใหญ่ นั้นเป็นมือพระกาฬชั้นดีที่ชนะรวดทั้ง 12 เกมในรอบนี้

แต่สสั่งที่น่าหงุดหงิดใจเป็นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรูปเกมที่แสดงออกมาตลอด 90 นาที วันนี้ยอดแข้งของทีมจากกรุงลอนดอนยังพากันออกทะเลเหมือนกับสิ้นสุดชนะทีม คริสตัล พาเลซ 2-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา


และนอกจากใบแดงของ แรมซี่ย์ แล้ว กัปตัน อาร์เตต้า ต้องมาเดี้ยงเพิ่มอีก

เกี่ยวกับหนึ่งในผู้เจริญรอยตามทีม เดอะ กันเนอร์ส นั้นเชื่อเลยว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ที่ไม่หลับหูหลับตาเชียร์จนเกินไป น่าจะเห็นพ้องต้องกันว่านัดนี้เป็นอีกเกมที่ดูอึดอัดมากๆและทีมยังมีจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขอีกมากมาย

ซึ่งโดยโดยเจาะจงในเกมแดนกลาง ที่เล่นกันแบบสะเปะสะปะ ทีมเวิร์กจางหายเหมือนบอลไม่ได้ซ้อมร่วมกันมา สัมผัสหวาดเสียวที่ทีมพอจะได้ลุ้นประตูส่วนใหญ่ก็มาจากความสามารถเฉพาะตัวเสียมากกว่า

โดยจะยกตัวอย่างก็โอกาสทองในช่วงทดเจ็บก็มาจากการฉวยโอกาสลากบอลไปซัดด้วยซ้ายของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่โดนโกล์เจ้าบ้านปัดไปจนเสาอย่างน่าเสียดาย

ซึ่ีงผิดกับทางทีม เบซิคตัส ที่วันนี้เตรียมตัวมาดี นักเตะมีความกระตือรือร้น เล่นกันด้วยความมั่นใจ การครองบอล การต่อบอล ทำได้เนียนกว่าเยอะ การลุ้นประตูได้น้ำได้เนื้อกว่าเป็นไหนๆ


หลังจากที่เจอความแข็งแกร่งของเจ้าบ้าน แจ็ค วิลเชียร์ ถึงกับล้มลุกคลุกคลาน

เพราะไม่ว่าจะเป็นลูกยิงครึ่งสนามหญ้าในวินาทีที่ 3 รวมไปถึงการกระโดดแปเน้นๆในนาที 16 และการล็อกไปยิงเฉี่ยวเสาในช่วงท้ายครึ่งแรกทั้งหมดจาก เด็มบ้า บา รวมถึงการยิงพ้นเสาสองของ โอลชาย ซาฮาน ในต้นครึ่งหลัง

ซึ่งทุกจังหวะที่กล่าวมาหากใครที่ได้ดูถ่ายทอดสด ผมว่าก็น่าจะนั่งไม่ติดเก้าอี้กันเลยแหละครับ

และจะเทียบสถิติให้เห็นง่ายๆเอาแค่ โอกุนชี่ โอซียาคุป อดีตเด็กปั้นของ อาร์เซนอล เพียงคนเดียวก็เปิดบอลเข้าไปในพื้นที่กรอบเขตโทษได้ถึง 5 ครั้งซึ่งมากกว่าทาง ทีมปืนใหญ่ ทั้งทีมที่จ่ายเข้าเขตอันตรายได้เพียง 2 ครั้ง

ในช่วงทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ของสาวก ทีมปืนใหญ่ ได้พุ่งประเด็นไปในทิศทางเดียวกันก็คือผลงานที่ไม่ค่อยจะดีนักของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่วันนี้ทำอะไรก็ห่วยไปหมด พักบอลไม่ได้ จ่ายบอลก็เสียแทบตลอด


ซึ่งนั่นทำให้แฟนปืนไม่ปลื้มอย่างแรงกับฟอร์มของ ชิรูด์

และขนาด แรมซี่ย์ ชิพบอลข้ามกองหลังให้ยิงโล่งๆก็ไปซัดลมอย่างน่าเกลียดน่าชัง ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังเกมจะมีกระแสโซเชียลอย่างมากมาย บางก็บอกให้สลับตัวกับอดีตหัวหอกทีม เชลซี

ซึ่งบางคนก็ว่าทีมจะไม่ได้แชมป์เลยหากหัวหอกทีมชาติ ฝรั่งเศส ได้ลงสนามหญ้าเป็นตัวจริงมากกว่า 85% และเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้ซื้อหัวหอกตัวใหม่เข้ามาเสริมทีมเป็นการด่วน

ในนาทีนี้ อาร์เซนอล กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ นอกจากจะต้องรอชี้ชะตาเกมสองกับทาง เบซิคตัส แล้ว สุดสัปดาห์นี้ก็มีศึกหนักในเกมลีกที่ต้องไปเยือน ทีมท็อฟฟี่ เอฟเวอร์ตัน

ซึ่งขุมกำลังที่ทั้งเจ็บและแบนรวมถึงแข้งไม่ฟิตเต็มไปหมด ดูแล้วงานนี้แฟนลูกบอลอย่างเราๆต้องลุ้นกันเหนื่อยอีกแน่



ทีมผีแดงล็อกเป้าเล็งทีจะกระชากอลอนโซ่คุมเกม



โดยที่สื่อวิเคราะห์บอลได้ตีข่าวว่า อลอนโซ่ ที่กำลังได้รับความสนใจจากทีม แมนฯ ยูฯ ที่หวังดึงกลับมาค้าแข้งในอังกฤษอีกครั้งหลังก่อนหน้านี้เคยมีประสบการณ์โลดแล่นในถิ่นแอนฟิลด์ กับ ลิเวอร์พูล มาแล้ว

ภายหลังที่ทมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวเบนเข็มเล็งเป้าหมายใหม่ หลังล่าสุด มีรายงานว่าบอร์ดบริหารของ ทีมปีศาจแดง กำลังที่จะยื่นข้อเสนอทาบทาม ชาบี อลอนโซ่ ห้องเครื่องตัวเก๋าของเรอัล มาดริด มาร่วมทัพในอีกเร็วๆ วันนี้ ทีหลังจากที่มิดฟิลด์มาดคุณชาย มีโอกาสที่จะถูกตัดออกจากทัพ ทีมราชันชุดขาว ชุดตัวจริงในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง

โดยที่เดอะ เดลี่ย์ เอ็กซ์เพรสส์ ซึ่งเป็นสื่อกีฬาชื่อดัง ได้ตีประกาศรายงานว่าทีม แมนฯ ยูฯ เริ่มที่จะหันไปเล็ง อลอนโซ่ มาร่วมทัพอย่างจริงจัง ภายหลังจากที่เห็นว่าดาวเตะวัย 32 น่าจะได้รับโอกาสลงสนามกับ มาดริด น้อยลงในซีซั่นใหม่ ภายหลังจากที่มีสุดยอดแข้งอย่าง โทนี่ โครส เก็บข้าวของย้ายเข้ามา อีกทั้งบอร์ดบริหารของ ทีมราชันชุดขาว ก็ดูจะไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่นักกับการที่ อลอนโซ่ มีอาการบาดเจ็บออดๆ แอดๆ รบกวนอยู่ตลอดในช่วง 1 ปีหลังสุด

โดยสำหรับ อลอนโซ่ นั้นได้เคยมีประสบการณ์ค้าแข้งในศึกฟุตบอลลีกเมือง เมืองผู้ดี มาแล้ว โดยลงสนามรับใช้ทีมคู่อริอันดับ 1 ของ ทีมปีศาจแดง อย่าง ทีมลิเวอร์พูล ในช่วงปี 2004-2009 ลงสนามไป 210 นัด ทำไป 19 ประตู พา ทีมหงส์แดง คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก พร้อมด้วยเอฟเอ คัพ มาครองได้อย่างละ 1 สมัย



ราวกับนี้สิรักกันจริง หลังแฟนผีสักตราสโมสรบนหน้าผาก



สำหรับใครๆที่บอกว่ารัก ทีมผีแดง มืดฟ้ามัวดิน อย่างนั้นอย่างนี้ หยุดเลยครับ เพราะไม่มีทางจะเทียบกับคนนี้ได้อย่างแน่นอน

โดยที่ Mr.Manchester United ซึ่งไม่ใช่สมญาแต่เป็นชื่อจริงตามกฏหมาย หลังเปลี่ยนจากซดราฟคอฟ เลวิดชอฟ ซึ่งใช่ครับ เขาเป็นชาวรัสเซีย ที่ทำให้โลกตะลึงอีกครั้งในความรักทีมโปรดอย่างสุดหัวใจด้วยการ สัก ปีศาจถือสามง่าม ตราโลโก้สโมสรบนหน้าผากของตัวเอง เพื่อเทิดทูนทีมรักที่ปักหัวใจเขาตั้งแต่ได้ชมเกมนัดชิงในตำนานที่พลิกเอาชนะ บาเยิร์น 2-1 ในปี 1999


และถึงจะดูแปลก อย่างไรก็ตามว่าเจ้าตัวมั่นใจมากกับสิ่งที่ทำไป พร้อมเผยว่ามีคนให้ความชื่นชมกับเขามากมาย ซึ่งถ้าทำแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ไม่เป็นไรครับ


ซึ่งเขาได้แจ้งไว้เผื่อทราบ ว่าเขามีแมว 1 ตัวครับ ชื่อว่า David Beckham

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทดข่าวฟุตบอลเดิมปิดตลาดชุ้งสุดท้ายของการซื้อขายนักเตะของศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ



ทีมหงส์แดงเดิมพันที่เอลเกรียน




ซึ่งถ้าสมภพไม่มีอะไรผิดคลาด ทางสโมสรทีม ลิเวอร์พูล จะได้ฤกษ์ต้อนรับกองหน้าคนใหม่และคนสุดท้ายในช่วงซัมเมอร์นี้ ที่มีนามว่า มาริโอ บาโลเตลลี่

และสำหรับชุดสาวกทีม เดอะ ค๊อป แล้ว การเซ็นสัญญาดังกล่าวน่าจะสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย โดยเฉพาะกับการที่แฟนโปรแกรมบอลหมู่นี้เคยมานะพยายามเร่งเร้าให้บอร์ดบริหารซื้อดาวยิงระดับพระกาฬเพื่อทดแทนการขาดหายไปของ หลุยส์ ซัวเรซ มาร่วมทัพเสียที

ซึ่งมันอาจจะดูแทบกับว่าทีม ลิเวอร์พูล เสียตัว กัด เพื่อไปได้ตัว เกรียน มาแทน แต่ว่าหากจะมองโลกในแง่บวกโลกสวยฟรุ้งฟริ้งกันสักนิด ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งในชีวิตของ บาโลเตลลี่ ก็คือเขาไม่เคยเห็นหัวไหล่ใครทั้งเป็น snack อาหารว่างไว้ขบเคี้ยวเล่น 555++



ซึ่งจากเป้าหมายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่ดันกลายเป็นจริง

ด้วยกันเมื่อเทียบกับ 1.การเตะบอลใส่รถกอล์ฟ , 2.ขว้างลูกดอกปาเป้าใส่ทีมนักเตะเยาวชน หรือ 3.จุดไฟเผาบ้านตัวเอง เรื่องราวทั้งหมดอาจไม่ได้ไม่ดีอะไรนัก

ซึ่งนั่นเชื่อเหลือเกินนะครับว่า ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนไม่เคยสงสัยในพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดของ เอล เกรียน หากแต่สิ่งเดียวที่ปิดกั้นระหว่างตัวเขากับนิยามของการเป็นแข้งระดับโลกก็คือ ทัศนคติ

  1. ความไม่มีวินัย 
  2. อารมณ์แรงกระตุ้นแปรปรวน 
  3. เต็มที่เฉพาะในเวลาที่อยากเต็มที่ 
  4. รักจะยิงแต่ลูกสวยๆ 
  5. เกลียดทุกอย่างที่เป็นความโดยทั่วไป หรือถ้าหากจะพูดแบบมัดรวมง่ายๆ ก็คือนิสัยเด็กดื้อนั่นเอง


แต่หากมาลองวิเคราะห์บอลและมองกันบนพื้นฐานของโลกแห่งความเป็นจริง แฟนๆ ทีมลิเวอร์พูล คงต้องก้มหน้ายอมรับว่า บาโลเตลลี่ ไม่ใช่ตัวเลือกกองหน้าอันดับ 1 ที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เฝ้าฝัน แต่เขากำลังจะได้ย้ายมาสัมผัสประสบการณ์ใน แอนฟิลด์ ก็เนื่องจากตัวเลือกอื่นๆ ที่ทีม หงส์แดง เล็งไว้อย่าง 
  1. ราดาเมล ฟัลเกา 
  2. เอดินสัน คาวานี่ 
  3. โดยที่เอเซเกล ลาเวซซี่ ไม่ยอมย้ายมามากกว่า

ใช่ไหมว่าจะเป็นเพราะ บี-ร็อด คิดถึงบรรยากาศของความสับสนอลหม่านเมื่อสมัยที่ คิง หลุยส์ ยังอยู่ที่นี่หรือไม่อะไรก็แล้วแต่ เนื่องจากถ้าหากเราย้อนกลับไปเวลากลับไปเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ร็อดเจอร์ส เพิ่งจะปฏิเสธข่าวสารลือที่พัวพันกับ น้องโอ้ ไปด้วยซ้ำ




และด้วยฟอร์มการเจอกันที่อเมริกาทีม เพื่อนหญิงหงส์ต่างร้อง ยี้ แต่ตอนนี้ได้มาก็ เอาน่ะ

ซึ่งอยู่ดีๆ ร็อดเจอร์ส ก็เกิดเลือกจิ้มเดิมพันการเซ็นสัญญากับ บาโลเตลลี่ ในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ และนี่จะเป็นความพยายามของอีก 1 กุนซือที่มีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าจะรอบรู้เปลี่ยนกองหน้าทีมชาติอิตาลี จากน้ำเปล่าให้เป็นไวน์ชั้นเลิศได้

โดยที่สมัยเก่าเจ้านายเก่าของ บาโล อย่าง 
  • โรแบร์โต้ มันชินี่ 
  • โชเซ่ มูรินโญ่ 
  • มักซิมิลิเอโน่ อัลเลกรี 
  • คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ
  • เซซาเร่ ปรันเดลลี่ 

ซึ่งก็คงจะเฝ้าดูรอดูความขยันของ ร็อดเจอร์ส ด้วยใจระทึก

ด้วยวัยถึง 24 ขวบ สำหรับร็อดเจอร์ส คงไม่สามารถอ้างว่า บาโลเตลลี่ ยังเยาวชนเกินไปได้อีกแล้ว เช่นเดียวกับ บาโลเตลลี่ ที่ก็คงเหลือข้ออ้างในการทำผิดพลาดอยู่น้อยเต็มที

ซึ่งริชาร์ด โจลลี่ คอลัมนิสคนดังของ Goal.com หล่นความเห็นระบุใจความสั้นๆ ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งเอาไว้ว่า ฐานะของ บาโลเตลลี่ ในครั้งนี้มีบางอย่างที่คล้ายๆ กับ ดาเนี่ยล สเตอรริดจ์ เมื่อเดือน มกราคม 2013 ซึ่งนั่นก็คือนี่อาจเป็นโฉลกสุดท้ายที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวกับสโมสรระดับ บิ๊กทีม

และทางด้านสเตอร์ริดจ์ สามารถเอาตัวรอดพิสูจน์ตัวเองมาได้จากผลงาน 1 หน้ากาลครึ่งอันแสนจะน่าประทับใจ ซึ่งบาโลเตลลี่ เองก็ไม่ต่างกัน เพราะหากเขาทำภารกิจของตัวเองในครั้งนี้ได้สำเร็จ มูลค่าทางการตลาดของภูเขาจะถูกดันขึ้นมาสูงลิบลิ่วขึ้นอีกครั้ง แต่ถ้าทุกอย่างจบลงด้วยความล้มเหลว สโมสรต่อไปของ บาโลเตลลี่ อาจกลายเป็นทีมอย่าง 1.ปาร์ม่า , 2.โตริโน่ , 3.นิวคาสเซิ่ล หรือ 4.เวสต์แฮม





อย่างไรก็ตามว่าอย่างน้อย เกรียนโอ้ ก็คือจอมยิงทีม ผีแดง คนหนึงถ้าทำได้สักลูกแฟนหงส์คงปลงตก เขาได้สบาย

และหากจะพูดไปถึงการเล่นให้กับทีมเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้น แต่เราก็ต้องยอมรับว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่แฟนฟุตบอลทุกคนคาดหวังจาก เกรียนโอ้ เมื่อ 6 ปีก่อนเช่นกัน

เหมือนกับเป็นบทพิสูจน์ครั้งใหม่ , และความคาดหวังครั้งใหม่ของ มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ควรจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสับเปลี่ยนฉากจบของตัวเองให้เป็นรูปแบบอื่นที่ดีกว่าโลกใบเก่าของเขาบ้างเสียที

และถ้าหากเขาทำไม่สำเร็จ นอกเหนือจากที่อาชีพการค้าแข้งของเขาจะพุ่งเข้าสู่ช่วงดิ่งลงเหวอย่างเต็มตัวแบบแน่นอนแล้ว เขาก็อาจแปรสภาพกลายเป็นร่างทรงของ สแตน คอลลีมอร์ ที่เคยแท็คทีมกับเพื่อนๆ ชาวแก๊งตัวแสบ คอยปีนเกลียว รอย อีแวนส์ กุนซือมาดนุ่มของทีม หงส์แดง ชุด สไปซ์บอย จนพาลทำสปิริตภายในทีมพังไม่เป็นท่า

ด้วยกันเมื่อนั้น ลิเวอร์พูล ก็อาจกลับไปเอวังเข้าสูตรของสโมสร Keep look 
  • สวยแต่รูปจูบไม่หอม 
  • กินไม่ได้ แต่เท่ หรือ 
  • เก่งแต่ป้อ ล่_ไม่เป็น ด้วยประการฉะนี้

มาช่วยกันภาวนาเอาใจช่วย ร็อดเจอร์ส กันด้วยแล้วกันครับ

ทีมผีแดงทุบสถิติ ทำลายเงินซื้อแข้งใหม่แซงงบปี 2007



เมื่อสื่อได้แฉว่า นี่เป็นซัมเมอร์ที่ทีม แมนฯ ยูฯ ได้ลงทุนซื้อแข้งก่ายกองสุดในพระราชประวัติศาสตร์สโมสรทำลายสถิติเมื่อปี 2007 ที่ดึง 1.อันแดร์สัน, 2.นานี่, 3.ฮาร์กรีฟส์ และ 4.เตเวซ มาเสริมทัพ

โดยที่สื่ออย่าง อีเอสพีเอ็น ที่เป็นสื่อกีฬาชื่อดัง ได้บอกชื่อสถิติการจับจ่ายใช้สอยของหมู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยปรากฏออกมาว่าตัวเลข 72 ล้านปอนด์หรือ 3,960 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการลงทุนของทีม ปีศาจแดง ที่เหลือแหล่ที่สุดในตำนาน ทำลายสถิติเก่าของตัวเองที่เคยสร้างเอาไว้เมื่อปี 2007 ในยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จอมคนเลือดสกอต

ทางด้านบอร์ดบริหารของทีม ปีศาจแดง ซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทัพของ หลุยส์ ฟาน กัล ได้มีการเซ็นชื่อสัญญาคว้าตัว 
  • ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายของ เซาธ์แฮมป์ตัน มาร่วมมือทัพที่ค่าตัว 27 ล้านปอนด์หรือ 1,485 ล้านบาท
  • อันเดร์ เอร์ราร่า ห้องเครื่องจาก แอธเลติก บิลเบา ที่ 28.8 ล้านปอนด์หรือ 1584 ล้านบาท 

ก่อนจะมาลงเอยรายล่าสุด
  • โดยที่มาร์กอส โรโฮ ฟูลแบ็กของทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่มีค่าตัว 16 ล้านปอนด์หรือ 880 ล้านบาท 

ทำให้เมาฬีรวมไปแตะที่ถึง 71.8 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว

และสำหรับสถิติเก่าการทุ่มเงินซื้อตัวสูงสุดของทีม ปีศาจแดง นั้นต้องย้อนกลับไปในปี 2007 ที่มีการคว้าตัว 
  • อันแดร์สัน ห้องเครื่องจากทีม เอฟซี ปอร์โต้
  • หลุยส์ นานี่ ปีกจากทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน
  • โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ กองกลางจากทีมบาเยิร์น มิวนิค รวมไปถึงเซ็นยืม 
  • คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าจากทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 

เบ็ดเสร็จต้องชำระเงินไปทั้งหมดราวๆ 62 ล้านปอนด์หรือ 3,410 ล้านบาท


คาร์ร่าก๊ากเมื่อเจอเด็กถามว่าเคยถูกซัวเรซกัดไหม + คลิป



เมื่อเด็กเยาวชนของทีม ลิเวอร์พูล คนหนึ่งถาม คาร์ราเกอร์ ว่าเจนโดน ซัวเรซ อดีตกองหน้าลิเวอร์พูล กัดหรือเปล่า

ซึ่งเจมี่ คาร์ราเกอร์ เรื่องเก่าแก่กองหลังของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เจอกับคำถามสุดฮาระหว่างเดินทางไปเยี่ยมชมการฝึกซ้อมของทีมเยาวชน และแจกลายเซ็นให้กับน้องๆ หลังจากที่มีเด็กคนหนึ่งถามเจ้าตัวว่าเคยโดน หลุยส์ ซัวเรซ อดีตกองหน้าเพื่อนร่วมทีมกัดบ้างหรือเปล่า

โดยที่ซัวเรซ เคยก่อคดีกัดนักเตะทีมคู่แข่งมาแล้วถึง 3 ครั้ง จนทำให้เด็กคนหนึ่งสงสัยในเรื่องนี้และถามกับ คาร์ราเกอร์ ว่า คุณเจนโดน หลุยส์ ซัวเรซ กัดไหม ซึ่งเรียกความเห็นหัวเราะจากอดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ แต่เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไรกลับไป






ทีมผีแดงลุ้นหนัก ให้ดิมาเรียขอย้ายจากชุดขาว


ซึ่งในการงานนี้ทีม ปีศาจแดง ได้มีลุ้น หลีงอันเชล็อตติ กุนซือทีม ราชันชุดขาว เผยเอง ดิ มาเรีย ขอขนทีมแล้วโดยบอกปัดสัญญาฉบับใหม่

ซึ่งคาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์คนเก่งของทีม ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด มหาอำนาจแห่งศึกลา ลีกา สเปน ออกมายอมรับแล้วว่า อังเคล ดิ มาเรีย ปีกทีมชาติอาร์เจนตินา ต้องการย้ายออกจากถิ่นซานติอาโก้ เบร์เนาเบว ภายในซัมเมอร์นี้ ภายหลังปฎิเสธที่จะจรดปากกาขยายสัญญาฉบับใหม่

โดยดิ มาเรีย วัย 26 ปี ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องกับการย้ายไปอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยในช่วงเปิดซีซั่นใหม่เขาต้องตกเป็นตัวสำรองของ เรอัล มาดริด ภายหลังจากการย้ายเข้ามาของ 2 นักเตะชื่อดังอย่าง ฮาเมส โรดริเกซ เพลย์เมกเกอร์ชาวโคลอมเบีย และ โทนี่ โครส มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน

หลังจากที่อันเชล็อตติ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ดิ มาเรีย ขอที่จะย้ายทีม และปฏิเสธรับข้อเสนอเป็นสัญญาใหม่จากสโมสร เราพยายามแก้ไขปัญหานี้ แต่หากเขาไม่อาจหาบทสรุปเกี่ยวกับอนาคตของเขาได้ เขาก็อาจจะอยู่กับทีมต่อไปได้ และเล่นให้กับทีม มันไม่ใช่ปัญหา

ในขณะเดียวกันที่ กุนซือชาวอิตาเลียน ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ของ ซามี่ เคห์ดิร่า มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน ที่มีข่าวกับ 1.ทีมบาเยิร์น มิวนิค, 2.ทีมเชลซี และ 3.ทีมอาร์เซนอล ว่า สถานการณ์ของ เคห์ดิร่า ต่างจาก ดิ มาเรีย เขาเหลือสัญญาอีก 1 ปี ด้วยกันเพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บหนัก เราจะรอดูกันต่อไป แต่เขายังไม่ได้ขอขึ้นบ/ชย้ายทีมนะ



ตราบใดเวนเกอร์ลั่นว่าไม่เสียใจเลยที่เชสซบทีมสิงห์บลูส์



โดยที่เวนเกอร์ ลั่นว่าไม่เสียใจเลยที่ เชส เมินกลับรังปืน แถมยังโผซบ กรุ๊ปสิงห์บลูส์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ซึ่งอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมของ อาร์เซน่อล สโมสรชั้นนำแห่งเวทีโปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกอาดูรแต่อย่างใดที่ เชส ฟาเบรกาส อดีตมิดฟิลด์กัปตันเลือกย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไปอยู่กับสโมสรอริร่วมกรุงลอนดอนอย่าง เชลซี เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่่ผ่านมา พร้อมด้วยกับยกยอปอปั้น อารอน แรมซี่ย์ กองกลางทีมชาติเวลส์ว่าแข้งรายนี้เป็นผู้ที่ทำให้ทีมทีม เดอะ กันเนอร์ส ลืมกองกลางทีมชาติไปแล้วในเวลานี้

ด้วยกันนายใหญ่ชาวฝรั่งเศส ได้กล่าวถึงการพลาดคว้าตัวศิษย์เก่ารายนี้กลับมารียูเนี่ยนกันในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกครั้งว่า ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยที่ เชส ฟาเบรกาส เปลี่ยนที่ไปอยู่กับ เชลซี สิ่งเดียวที่ผมเสียใจก็คือการมองข้ามตัวเลือกแรกอย่าง อาร์เซน่อล ส่วน อารอน แรมซี่ย์ มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างจาก เชส แต่เขาเป็นผู้ที่มีศักยภาพรอบด้าน

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เก็บตกประกาศฟุตบอลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาช่วงวันที่ 11 - 20 สิงหาคม 57 ห้ามพลั้งพลาดโดยเด็ดขาด


ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เบิร์นลี่ย์ พบ เชลซี


  • ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 
  • วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2557 
  • เบิร์นลี่ย์ - เชลซี
  • สนาม : เทิร์ฟ มัวร์
  • เวลา : 02.00 นาฬิกา 
  • ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
  • ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 4 
ดูสดที่นี่ >> http://footballclubpza.blogspot.com/



ทีมเบิร์นลี่ย์

ทันทีที่ฌอน ไดซ์ กุนซือของทัพทีม เจ้าตูบ ต้องนำลูกทีมลงพบกับศึกหนัก ตั้งแต่นัดแรกในการกลับมาโลดแล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก อีกครั้งนึง เมื่อต้องพบกับ เชลซี ทีมยักษ์ใหญ่จากเมืองหลวง

แต่ไงก็ตามพวกเขาก็ทำผลงานได้ไม่เลวในการอุ่นเครื่อง ก่อนเปิดฤดูกาล ด้วยผลงาน ลงแข่ง 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 นอกจากนี้ยังยิงประตูได้ทุกนัดอีกด้วย

ทางด้านตำแหน่งความพร้อมของทีมนั้น แซม โวคส์ คือนักเตะรายเดียวที่ ไดซ์ จะหมดสิทธิใช้งานในเกมเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีม สิงโตน้ำเงินคราม เนื่องจากยังคงมีอากัปกริยาบาดเจ็บบริเวณหัวเข่ารบกวนอยู่นั่นเอง

ในส่วนผู้เล่นรายอื่นๆ นั้นฟิตพร้อมลงสนามทั้งหมด โดยในเกมนี้ แม็ทธิว เทย์เลอร์ และ ลูคัส จัตคีวิซส์ 2 แข้งใหม่ที่เพิ่งจะเซ็นเข้ามาร่วมทัพ ในช่วงซัมเมอร์นี้ มีลุ้นลงเล่นเป็นตัวจริงอีกด้วย

รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 

  1. ทอม ฮีตัน 
  2. เบ็น มี
  3. เจสัน แช็คเคลล์
  4. ไมเคิ่ล ดัฟฟ์
  5. คีแรน ทริปปิเยร์
  6. ดีน มานี่ย์
  7. แม็ธธิว เทย์เลอร์
  8. สก็อตต์ อาร์ฟิลด์
  9. แดนนี่ อิ้งส์
  10. ไมเคิ่ล ไคท์ลีย์
  11. ลูคัส จัตคีวิซส์



ทีมเชลซี

ทีมเชลซี ซึ่งพักพิงภายใต้การคุมกรุ๊ปของกุนซือจอมอหังการอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ทำผลงานในการอุ่นเครื่องได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะมีการทดลองระบบ และตัวผู้เล่นใหม่ๆ มากมาย แต่ก็ยังสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 6 นัด จาก 8 เกม ที่ลงสนาม โดยซัดไปถึง 18 ลูก และเสียไป 9 ประตูด้วยกัน

ทางด้านของสภาพความพร้อมของทีม  เชลซี แทบจะไม่พบปัญหาในการจัดตัวผู้เล่นลงสนามในเกมนัดนี้เลย จะขาดวิ่นก็แค่ รามิเรส กองกลางชาวบราซิลเลี่ยนรายเดียวที่ติดโทษแบนอยู่

ในส่วนของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่ได้รับเจ็บในเกมอุ่นเครื่อง ก็น่าจะฟิตกลับมาทันออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรองได้ โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดในการจัดทัพของ ทีมสิงห์บลูส์ น่าจะเป็นการแย่งตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 1 ระหว่าง 1.ปีเตอร์ เช็ก กับ 2.ติโบต์ กูร์กตัวส์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น กูร์กตัวส์ มากกว่าที่จะได้รับช่องในเกมนัดนี้

รายชื่อ11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 
  1. ติโบต์ กูร์กตัวส์ 
  2. บรานิสลาฟ อิวาโนวิช
  3. แกรี่ เคฮิลล์
  4. จอห์น เทอร์รี่
  5. ฟิลิปเป้ หลุยส์
  6. เชส ฟาเบรกาส
  7. เนมานย่า มาติช
  8. ออสการ์,
  9. วิลเลี่ยน
  10. เอเเด็น อาซาร์
  11. ดิเอโก้ คอสต้า 

โดยสถิติที่น่าสนใจมีดังนี้

1.ทั้งคู่เคยพบกันมา 67 ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่น่าลงบัญชีว่าเป็นฝั่งเบิร์นลี่ย์ ที่ทำได้ดีกว่า ชนะไปได้ 33 นัด เสมอกัน 13 นัด และแพ้ไป 21 เกม

2.โดยหากนับกันเฉพาะเกมที่เล่นในรังของ เจ้าตูบ 33 นัด เจ้าบ้านเอาชนะได้ถึง 18 เกม และแพ้เพียงแค่ 7 นัดเท่านั้น

3.อย่างไรก็ตาม 5 นัดหลังสุดบนเวทีลีกสูงสุดแดนผู้ดี เชลซี ชนะได้ถึง 4 เกม และเสมอ 1

4.ครั้งล่าสุดที่ทั้ง 2 ทีมพบกัน ต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2009/2010 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่เบิร์นลี่ย์ อยู่ในลีกสูงสุด เกมนั้นเชลซี บุกมาเอาชนะไปได้ 1-2 ประตู

5.หากย้อนกลับไปในฤดูกาลที่ผ่านมา 15 เกมหลังสุดในบ้านตัวเอง เบิร์นลี่ย์ เอาชนะคู่แข่งได้ถึง 11 เกม และแพ้กับเสมอ อย่างละ 2 เกมด้วยกัน แต่นั่นก็เป็นเกมในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ

6. ทีมสิงห์บลูส์ เองก็ไม่น้อยหน้า 15 เกมเยือนหลังสุดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาชนะได้ 9 นัด เสมอ 2 แพ้ 4

7.แถม 3 นัดล่าสุดนอกบ้านของ เชลซี ชนะรวด โดยเป็นการชนะ สวอนซี ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

8.ดาวซัลโวสูงสุดของ เชลซี ในฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่ใช่นักเตะในตำแหน่งกองหน้า แต่เป็นกองกลางอย่าง เอแด็น อาซาร์ โดยซัดไป 14 ประตูด้วยกัน

9.หาก ติโบต์ กูร์กตัวส์ ได้ลงเล่นเป็นผู้รักษาประตูตัวจริง จะเป็นการลงเล่นแมตซ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกกับ เชลซี หลังจากย้ายมาอยู่กับทีมตั้งแต่ปี 2011

10.อายุเฉลี่ยของผู้เล่นเบิร์นลี่ย์ ชุดนี้อยู่ที่ 26.6 ปี ส่วน ทีมสิงโตน้ำเงินคราม อยู่ที่ 26 ปี




ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทีมนิวคาสเซิ่ล - ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้



  • ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  • วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด - แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค
  • เวลา : 22.30 น.

ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด



ทีม สาลิกาดง ซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทีมของ อลัน พาร์ดิว ก่อนจะเปิดซีซั่นใหม่ พาทีมลงเล่นเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด 8 นัด ต้องบอกว่าผลงานใช้ได้มากเลยทีเดียว โดยชนะไปถึง 5 นัด ที่เหลือแบ่งเป็นเสมอ 1 นัด และ แพ้ 2 นัด

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ นิวคาสเซิ่ล จะทำผลงานดีช่วงปรีซีซั่น แต่ถึงกระนั้นแมตช์เปิดฤดูกาล 4 ครั้งหลังสุด พวกเขาชนะได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น ที่เหลือเสมอ 1 นัด และแพ้ 2 นัด แถมวันนี้ยังต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เรือใบสีฟ้า อีกด้วย ดูแล้วขอเพียง 1 คะแนน น่าจะเป็นที่พอใจ

ในส่วนสภาพความพร้อมของทีม นิวคาสเซิ่ล ค่อนข้างจะมีปัญหาพอสมควร เพราะจะขาด 1.เซียม เดอ ยอง นักเตะตัวใหม่ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ รวมไปถึง 2.ชีค ติโอเต้, 3.ดาวิเด้ ซานตอน และ 4.ปาปิสส์ ซิสเซ่ ที่มีปัญหาเดี้ยงทั้งหมด

ซึ่งนั่นก็ยังโชคดีที่นักเตะรายใหม่ ที่ พาร์ดิว เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีม จะพร้อมลงสนามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น 1.ดาริล ยานมัต, 2.เรมี่ กาเบลล่า, 3.เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ และ 4.แจ็ค โคลแบ็ค ผสมกับนักเตะคนสำคัญของทีมอย่าง 5.มุสซ่า ซิสโซโก้, 6.ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่

รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของ ทีมนิวคาสเซิ่ล  
  1. ทิม ครูล 
  2. ดาริล ยานมัต
  3. ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่
  4. ไมค์ วิลเลียมสัน
  5. มัสซาดิโอ ไอดาร่า 
  6. แจ็ค โคลแบ็ค
  7. ฟูร์น่อน อนิต้า
  8. มุสซ่า ซิสโซโก้
  9. เรมี่ กาเบลล่า 
  10. เอ็มมานูเอล ริวิแยร์
  11. ฟาคุนโด้ แฟร์เรย์ร่า


ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้


ทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่ ซึ่งพาทีมคว้าแชมป์ลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ทำผลงานในช่วงปรีซีซั่น พอใช้ได้ โดยลงลับแข้งไป 7 นัด ชนะ 4 แพ้ 3 แพ้การดวลจุดโทษ 2 นัด ก่อนนัดล่าสุดจะมาพ่ายต่อ อาร์เซน่อล แบบย่อยยับ 0-3 ในศึก คอมมูนิตี้ ชิลด์

ซึ่งเกมนี้ทีม เรือใบสีฟ้า จำเป็นจะต้องเรียกขวัญและกำลังใจกลับมาให้ได้ เนื่องจากสถิติที่ผ่านมา เมื่อพบกับ นิวคาสเซิ่ล ต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าชัดเจน เพราะ 16 นัด รวมทุกรายการ ไม่เคยพ่ายให้กับทีม สาลิกาดง เลยแม้แต่นัดเดียว

ทางด้านสภาพความพร้อมของทีม จะยังไม่มี อัลบาโร่ เนเกรโด้ อยู่เหมือนเดิม แต่ดูแล้วไม่น่าจะส่งผลอะไรมากนัก เพราะยังมีทั้ง 1.เอดิน เชโก้ และ 2.สเตฟาน โยเวติช ที่ทำผลงานได้ดีในช่วงปรีซีซั่น รวมถึงข่าวดีสุดๆ เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร่ สลัดอาการบาดเจ็บเรียบร้อย ต้องรอเช็กความฟิต แต่ดูแล้วน่าจะนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน

ในส่วน เอเลียควิม ม็องกาล่า ก็น่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน เพราะยังไม่ฟิตเต็มสูบ ขณะที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู เชื่อว่า โจ ฮาร์ท จะได้ออกสตาร์ทลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริง ด้านแผงมิดฟิลด์ ไม่ต้องพูดถึงคงที่เปรี๊ยะ มีทั้ง 1.ยาย่า ตูเร่, 2.ดาบิด ซิลบา และ 3.ซามีร์ นาสรี่

รายชื่อ 11 ผู้ล่นที่คาดว่าจะลงสนามของ ทีมแมนฯ ซิตี้ 
  1. โจ ฮาร์ท 
  2. ปาโบล ซาบาเลต้า
  3. แว็งซ็องต์ ก็องปานี
  4. มาติย่า นาสตาซิช
  5. อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ 
  6. แฟร์นานโด
  7. ยาย่า ตูเร่
  8. ดาบิด ซิลบา
  9. ซามีร์ นาสรี่ 
  10. สเตฟาน โยเวติช
  11. เอดิน เชโก้

มาดูสถิติที่น่าสนใจกันหน่อย


1.ทั้งคู่พบกันมาแล้วทั้งหมด 133 ครั้ง สถิติค่อนข้างสูสี โดย นิวคาสเซิ่ล ชนะไป 51 นัด ส่วน แมนฯ ซิตี้ ชนะ 50 นัด และเสมอกันอีก 32 นัด


2.แต่หากนับแค่การเจอกันในถิ่น เดอะ แม็กพายส์ ทั้งหมด 67 นัด เป็น สาลิกาดง ชนะไปถึง 39 นัด เสมอ 13 นัด และแพ้เพียง 15 นัด

3.อย่างไรก็ตาม 15 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก เรือใบสีฟ้า ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อ สาลิกาดง เลยแม้แต่นัดเดียว โดยชนะไปถึง 13 นัด และเสมอ 2 นัด

4.และ 9 นัดหลังสุดที่ทั้งคู่พบกันในลีก ทั้งเกมเหย้าและเกมเยือน เป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ชนะรวดทั้ง 9 นัด

5.3 จาก 4 ฤดูกาล หลังสุด นิวคาสเซิ่ล ไม่สามารถทำประตูได้เลยในแมตช์เปิดซีซั่นใหม่ เมื่อต้องพบกับทีมบิ๊กโฟร์

6.ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่แพ้ในเกมนัดแรกของลีก มาแล้วนับตั้งแต่ซีซั่น 2009 โดยชนะ 4 นัด เสมอ 1 นัด

7.โดยครั้งสุดท้ายที่ เรือใบสีฟ้า แพ้แมตช์ประเดิมเกมลีกซีซั่นใหม่ คือพ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า 2-4 ฤดูกาล 2008

8. 8 นัดหลังสุดของ สาลิกาดง ในลีก ถือว่าย่ำแย่ หลังชนะได้แค่ 1 นัด และแพ้ 7 นัด









เมื่อฟาน กัล ส่อจะโหละ สามแข้ง ให้พ้นทีม



เมื่อหลุยส์ ฟาน กัล จัดหนักส่อที่จะตัด 1.นานี่, 2.แอนเดอร์สัน และ 3.วิลฟรีด ซาฮา ออกจากทีมชุดใหญ่ของทีม ผีแดง แมนฯยู แต่แดนนี่ เวลเบ๊กคาดได้อยู่ร่วมทีมต่อไป

โดยที่กุนซือวัย 60 เตรียมปฎิบัติการโละ 
  1. นานี่ ปีกทีมชาติโปรตุเกส
  2. แอนเดอร์สัน มิดฟิลด์แซมบ้า 
  3. วิลฟรีด ซาฮา ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษ 

และทั้ง 3 คน จะไม่มีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ของสโมสร โดยก่อนเกมที่ แมนฯยู จะลงเล่นกับสวอนซี ในการเล่นนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก ฟาน กัล สั่งให้นักเตะชุดใหญ่มาซ้อมที่สนามซ้อมคาร์ริงตั้นในเวลา 16.00 นาฬิกา 

แต่สำหรับ 1.นานี่, 2.แอนเดอร์สัน และ 3.ซาฮา ถูกสั่งให้มาสนามซ้อมในเวลา 17.30 นาฬิกาแทน ไม่ได้อยู่ฟังแผนการลงเล่นในเกมกับสวอนซี และในเกมนัดเปิดบ้านพ่ายสวอนซี ก็มีเพียงนานี่ ที่ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรอง 

ทำให้เดาสุ่มได้ว่าทั้ง 3 คนจะถูกขายออกจากทีมก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดลง ในขณะที่ แดนนี่ เวลเบ๊ก กองหน้าทีมชาติอังกฤษของทีม ผีแดง ที่ตกเป็นข่าวว่าสตีฟ บรู๊ซ กุนซือฮัลล์ ซิตี้ อยากได้ตัวไปร่วมทีม คาดว่าจะได้อยู่ร่วมทีมต่อไป แม้ว่าอาจจะไม่ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอก็ตาม




เมื่อโมเรโน่ยาหอมยกหงส์เจ๋งที่สุดในลีกผู้ดี



เมื่อ โมเรโน่ รู้งาน ที่จะต้องกล่าวยกย่องทีม หงส์แดง ต้นสังกัดใหม่เป็นยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษพร้อมเผยปรึกษา 1.เรน่า, 2.อลอนโซ่ และ 3.อาร์เบลัว ก่อนย้ายทีม

โดยที่อัลเบร์โต้ โมเรโน่ แบ็กซ้ายไล้แดงของสโมสรลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงชมต้นสังกัดใหม่ ด้วยการยกให้ทัพทีม หงส์แดง เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศอังกฤษ และตนเองก็มีความสุขมากที่ได้ย้ายมายังถิ่นแอนด์ฟิล พร้อมลั่นจะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อสโมสรใหม่

หลังจากที่แบ็กซ้ายวัย 22 ปี ได้กลายมาเป็นสมาชิกรายล่าสุดของทัพทีม หงส์แดง หลังจากที่เซบีย่า ตอบรับข้อเสนอ 12 ล้านปอนด์หรือ 660 ล้านบาท ที่ทีมลิเวอร์พูล ได้ยื่นเข้าไปให้พิจาราณา โดยเจ้าตัวก็ไม่รอช้า รีบหยอดใส่ต้นสังกัดใหม่ทันทีโดยระบุว่า ในมุมมองของผมทีม ลิเวอร์พูล คือสโมสรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอังกฤษ และผมก็ไม่อยากเสียโอกาสในการย้ายเล่นที่นี่

เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผมได้คุยกับ 1.ซาบี อลอนโซ่, 2.โฆเซ่ เรน่า และ 3.อัลบาโร่ อาร์เบลัว โดยที่ทั้ง 3 คนเป็นอดีตผู้เล่นของลิเวอร์พูล ซึ่งหมวดหมู่เขาต่างบอกกัผมว่าสโมสรนี้มีแฟนบอลที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาก็ยังบอกกับผมอีกด้วยว่า ผมจะสามารถเติบโตขึ้นมากที่สโมสรแห่งนี้ ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างลิเวอร์พูล ผมจะทุ่มเทสุดความสามารถ และพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ให้กับทีม




หลังจากที่มอยส์โอดว่าผีให้เวลาน้อยเกิน




เมื่อมอยส์ โอด ไม่ได้รับเวลามากพอในการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเชื่อว่า เขาคือคนที่ใช่สำหรับแคมป์ทีม ปีศาจแดง หากไม่โดนปลดซะก่อน

หลังจากที่เดวิด มอยส์ อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชื่อ ตัวเขาสมควรได้รับโอกาสคุมทีม ปีศาจแดง ให้นานกว่านี้ หลังจากโดนปลดจากตำแหน่งนายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังคุมทีมไปได้แค่ 10 เดือน ทั้งๆ ที่เซ็นสัญญากันยาวถึง 6 ปี ก็ตาม

เมื่อมอยส์ นั้นเข้ามาคุมโปรแกรมบอลทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือชาวสกอตแลนด์ที่วางมือไป โดยเขาทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ด้วยการทำทีมจบอันดับที่ 7 และโดนสั่งปลดออกจากตำแหน่งในที่สุด

โดยที่มอยส์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อผมลองมองย้อนกลับไป ผมได้มีโอกาสทำงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่นั่นคืองานที่ใช่สำหรับผม ผมเคยอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน มานานกว่า 11 ปี เราสามารถทำอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ได้เข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ และผมได้รับการโหวตให้เป็นผู้จัดการยอดเยี่ยม 3 สมัย ผมคือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก และยูไนเต็ด เอง ก็มีแต่ผู้จัดการทีมที่มาจากเกาะอังกฤษ

เขากล่าว ว่าผมเสียใจที่ ต้องเสียงานนั้นไป เพราะผมรู้สึกว่า ผมสามารถทำทีมประสบความสำเร็จได้ เรารู้ดีว่าเวลาเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง เรากำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ในที่สุดแล้ว ผมไม่คิดว่าตัวเองได้รับเวลามากเพียงพอ ที่จะที่จะทำทีมประสบความสำเร็จ หรือจะตัดสินว่าผมล้มเหลว

และนอกจากนี้ มอยส์ ยังได้เผยว่า เมื่อสมัยเขาคุมทีมนั้น ได้เล็งที่จะคว้าตัวซูเปอร์สตาร์ระดับโลกเข้าสู่ทีมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 1.คริสเตียโน่ โรนัลโด้, 2.แกเรธ เบล หรือจะเป็น 3.เชส ฟาเบรกาส ก่อนที่จะพลาดไปทั้งหมด ซึ่งมีมีข่าวลงว่าเราต้องการ 1.ฟาเบรกาส, 2.เบล และ 3.โรนัลโด้ เป็นเรื่องจริงที่เราได้มีการคุยเรื่อง โรนัลโด้ ตั้งแต่ผมเข้ามา เราเกือบจะเซ็นสัญญานักเตะชื่อดังมาได้ แต่ก็พลาดไป อย่างไรก็ตามผมหามิได้คนที่ควรโดนตำหนิเกี่ยวกับเรื่องนี้